วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

หลอนคลองแสนแสบ

        เมื่อ 30 ปีก่อนคลองแสนแสบยังไม่มีบ้านเรือนผู้คนเยอะขนาดนี้ ยิ่งช่วงที่เลยเขตมีนบุรีไปผู้คนแถวนั้นยังใช้การเดินทางด้วยเรือกันซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรือพายหรือเรือโดยสารเพราะถนนหนทางยังไม่ค่อยเจริญเหมือนสมัยนี้ ยิ่งใครที่บ้านติดคลองด้วยแล้วต้องใช้เรือพายเพื่อออกมาขึ้นรถโดยสารกันก็มี  ลุงดำเป็นคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในย่านนี้มาตั้งแต่เกิด บ้านแกอยู่ติดกับคลองย่อยที่แยกออกมาจากคลองแสนแสบอีกที ซึ่งแกอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ ตอนนั้นลุงดำแกก็เพิ่งได้เข้าทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งในเขตมีนบุรีนั่นเอง  ในตอนเช้าเวลาที่ไปทำงานลุงดำสามารถไปทำงานได้สองทางคือเดินออกไปขึ้นสองแถว หรือพายเรือไปจอดที่บ้านญาติของแกที่อยู่ใกล้ๆ ท่ารถแล้วนั่งสองแถวไปทำงาน นั่นทำให้ที่บ้านแกจะเอาเรือมาจอดทิ้งไว้ที่นี่อยู่เป็นประจำ
                  วันหนึ่งหลังเลิกงานลุงดำได้ไปกินเลี้ยงกับที่ทำงาน กว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปเกือบๆ เที่ยงคืน รถสองแถวที่นั่งกลับบ้านก็หมดแล้ว แกต้องอาศัยรถของรุ่นพี่ที่ทำงานมาลงที่ท่ารถเพื่อไปเอาเรือที่บ้านญาติพายกลับเข้าบ้าน หลังจากร่ำลารุ่นพี่เรียบร้อยลุงดำก็ไปเอาเรือออกมาเตรียมพายกลับบ้าน ซึ่งในตอนนั้นฝนตกพร่ำๆ ลงมาตลอดเวลา แกจึงรีบพายเรือไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าฝนจะตกหนัก ตอนนั้นใจแกคิดแต่จะรีบไปให้ถึงบ้านแต่เพียงอย่างเดียว ลุงดำพายเรือไปได้ซักพักก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้วมีชาวบ้านพูดกันว่าเจอศพผู้หญิงวัยรุ่นลอยน้ำมาติดกอผักตบก่อนถึงทางแยกเข้าบ้านลุงดำไม่ไกลมากนัก ซึ่งไม่มีใครเคยเห็นหน้าขอเด็กสาวคนนี้มาก่อน ทำให้ศพของหญิงสาวกลายเป็นศพไร้ญาติไปเพราะว่าตามหาญาติไม่เจอ และหลังจากนั้นชาวบ้านก็พูดถึงความเฮี้ยนของวิญญาณหญิงสาวคนนั้น แต่ด้วยความที่แกเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แถมตอนนั้นแกก็ดื่มเหล้ามาพอสมควรก็กรึ่มๆ ได้ที่ แกเลยคิดในใจเล่นๆ ว่าถ้าผีผู้หญิงคนนั้นออกมาจริงๆ จะจับปล้ำซะให้ดู แล้วแกก็พายเรือไปต่อเรื่อยๆเมื่อแกพายเรือมาใกล้จะถึงจุดที่ชาวบ้านพบศพหญิงสาว ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครเอาหินปาลงน้ำดังจ๋อม จ๋อม เป็นระยะ ตอนนั้นลุงดำคิดว่าเป็นเสียงปลาขึ้นมากินเหยื่อบนผิวน้ำ แต่ที่ผิดสังเกตุก็คือเสียงนั้นมันดังตามเรือแกมาเรื่อยๆ ตอนนั้นแกหันกลับไปดูแต่ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกตุ ลุงดำพายเรือต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงดังจ๋อม จ๋อม ดังตามมา ซึ่งตอนนั้นแกรู้สึกว่าอากาศรอบๆ ตัวเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ลุงดำคิดว่าเพราะฝนที่ลงเม็ดอยู่ตอนนั้นเลยทำให้อากาศเย็นแบบนี้ แต่ซักพักก็มีเสียงหมาหอนจากบริเวณนั้นดังต่อๆ กันมาเป็นทอดๆ
        จนมาถึงบริเวณที่ลุงดำพายเรืออยู่ ตอนนั้นลุงดำเริ่มใจคอไม่ค่อยดีมองไปรอบๆ ตัว เร่งมือพายเรือให้เร็วขึ้น แต่แกรู้สึกว่าออกแรงมากแต่เรือกลับไม่ค่อยไปตามที่ออกแรง เหมือนกับมีคนมาดึงเรือเอาไว้ ลุงดำมองไปที่ท้ายเรือก็ต้องสะดุ้งเพราะแกเห็นมือจับที่หางเรือมือนั้นเล็กเรียวและขาวซีด เท่าที่แกสังเกตุเห็นมือนนั้นน่าจะเป็นมือของผู้หญิง นั่นทำให้ลุงดำเริ่มคิดถึงเรื่องศพหญิงสาวนิรนามขึ้นมาในใจ หลับตาจ้ำเรือเพื่อให้หลุดจากมือนั้นให้ได้  ซักพักลุงดำก็รู้สึกว่าเรือพุ่งออกไปข้างหน้าเหมือนหลุดจากการดึงมาได้ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาลุงดำก็ต้องตกใจสุดๆ เมื่อเรือของแกพุ่งเข้าไปในกอผักตบชวาที่พบศพของหญิงนิรนาม แกจึงพยายามถอยเรือออกจากกอผักตบ  เพราะสิ่งที่แกเห็นตอนนั้นก็คือหัวคนที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากกลางกอผักตบชวา ลุงดำร้องเสียงหลงและพยายามดันเรือให้ออกบริเวณนั้น แต่หัวที่โผล่ขึ้นมาก็โผล่พ้นน้ำจนเห็นหัวเต็มๆ เป็นหัวของหญิงสาว ลักษณะหน้าขาวซีด ปากเขียวคล้ำ มองหน้าของลุงดำเขม็ง นั่นเองทำให้ลุงดำออกแรงเต็มที่ดันเรือพ้นกอผักตบ พอแกหลุดออกมาได้ ลุงดำรีบพายเรือจำ้กลับบ้านอย่างรวดเร็วพร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวตามหลังมาติด ซึ่งเสียงนั้นเป็นเสียงหัวเราะอย่างสะใจ และเย็นยะเยือก จนลุงดำพายเรือถึงท่าเรือหน้าบ้านแล้วก็กระโดดขึ้นบ้านไปโดยที่ไม่หันมามองข้างหลังอีกเลย หลังจากที่เจอกับเหตุการณ์นั้นลุงดำก็ไม่กล้ากลับบ้านดึกอีก แต่ถ้ามีเหตุให้จะต้องกลับดึกจริงๆ แกจะแวะนอนที่บ้านญาติที่เอาเรือไปจอด โดยไม่ยอดพายเรือกลับตอนดึกอีกเลย
ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่:
อ่านต่อได้ที่ https://board.postjung.com/1306163