วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

ที่พัก…ชั่วคราว

  ผมชื่อ ก้อง(นามสมมุติ) เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในปัตตานี ผมเป็นคนกรุงเทพแต่ได้ทุนมาเรียนแลกเปลี่ยนทีนี่ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้อยากจะมาเรียนที่ปัตตานีเท่าไหร่นัก ด้วยข่าวความไม่สงบและต้องอยู่ไกลๆบ้านเดินทางไปกลับลำบาก แต่ด้วยฐานะทางบ้านผมค่อนข้างยากจน ทำให้ผมไม่มีทางเลือกจึงต้องลงมาเรียนที่ปัตตานี… เมื่อผมมาเรียนที่ปัตตานี ผมได้พบเพื่อนต่างศาสนิกซึ่งส่วนตัวผมนับถือศาสนาพุธ หลายคนพยายามเข้ามาเป็นเพื่อนกับผม แนะนำผมเรื่องการใช้ชีวิตทีนี่ จนสุดท้ายผมก็มีเพื่อนสนิททีถือได้ว่า ผมไปไหนเขาต้องไปด้วยนั้นคือ ดิง(นามสมมุติ) เราเรียนสาขาและวิชาเอกเดี่ยวกัน อยู่หอพักเดี่ยวกัน ดิงเคยเล่าว่า เขาเป็นคนนราธิวาสแต่สอบติดที่ปัตตานี นานๆครั้งที่เขาจะกลับบ้าน ถ้าไม่ใช้วันหยุดยาวหรือเทศกาลจริงๆเขานก็จะไม่กลับ ดังนั้นอีกไม่กี่วันจะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดิงเลยชวนผมไปเที่ยวบ้านเขาแทน ด้วยความที่ผมไม่ได้กลับกรุงเทพอยู่แล้วและมิหนำซ้ำมหาวิทยาลัยก็ปิด ผมจึงตอบตกลงดิงไป… ไม่กี่วันต่อมาเราทั้งสองเดินทางไปนราธิวาสกันด้วยรถไฟ แต่กว่าจะไปถึงบ้านของดิงก็มืดค่ำซะแล้ว ดิงเลยบอกว่า คืนนี้เราเข้าไปพักที่มัสยิดกันก่อนแล้วกัน รอให้เช้าเราค่อยเดินทางกลับบ้านกัน เพราะเวลานี้ไม่มีรถโดยสารวิ่งแล้ว ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกและเราทั้งคู่เป็นผู้ชายคงไม่มีปัญหาที่จะนอนที่ไหนก็ได้ เราจึงเดินเข้าไปพักข้างๆมัสยิดแทน… เวลาตี 2 กว่าๆผมเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา เนื่องจากอากาศหนาวและยุงเยอะ ผมมองหาดิงที่นอนอยู่ข้างๆผม แต่เขากลับไม่ได้นอนอยู่ตรงนั้น มีเพียงกระเป่าเดินทางของเขาที่ตั้งอยู่ ผมเริ่มรู้สึกหวาดกลัว ทันใดนั้นเสียงเหมือนคนกำลังขุดดินก็ดังขึ้นมาจากหลังมัสยิด ผมจึงตัดสินใจเดินไปดูด้วยตัวเอง เสียงเริ่มชัดและดังขึ้นเรื่อย ๆ จนได้กระทั้งผมเริ่มมองเห็นต้นต่อของเสียงนั้น ผมชะงักอยู่กับที ตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก ภาพที่เห็นคือ ผู้หญิงสูงวัย ร่างใหญ่ที่มีใบหน้าที่เหวอะหวะเน่าเปื่อยเต็มไปด้วยหนอน ตัวผอมแห้งแทบเห็นกระดูก ผมยาวสีขาวไม่มีขาหรือท่อนล่าง กำลังขุดหลุมศพที่อยู่ด้านหลังสัมยิด ผมพยายามจะวิ่งหนีแต่ก้าวขายังไงมันก็ไม่ยอมขยับ ผมจึงตัดสินใจกัดลิ้นตัวเองเพื่อให้รุ้สึกตัว จากนั้นผมจึงรีบวิ่งออกจากที่ตรงนั้นทันที…    ในขณะที่ผมกำลังวิ่งหนีสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่นั้น ดิงเพื่อนผมก็วิ่งออกมาจากอีกฝั่งของมัสยิด ตัวเขาเต็มไปด้วยเลือดเหมือนถูกบางอย่างโจมตี ทันใดนั้นหญิงสูงวัยตนนั้นก็กระโดดดึงแขนเขาไว้ พร้อมอ้าปากค้างเหมือนกำลังเขมือบเพื่อนผมเข้าไปทั้งตัว เขากรี้ดร้องขอความช่วยเหลือ แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย ผมกลัว ตัวสั่น ทำได้แค่วิ่งหนีให้ไกลไปสุดชีวิต…ในขณะที่ผมกำลังยืนมองเพื่อนผมถูกกลืนกินไปทีละนิด เสียงบีบแตรจากรถยนต์ก็ดังขึ้นทันที  “ ปี๊น…ปี๊น…. ” จากนั้นผมก็สลบไปรู้สึกตัวอีกที ผมนอนอยู่โรงพยาบาลจังหวัดนราธิวาส โดยมีดิงเพื่อนผมยืนอยู่ข้าง ๆ จากนั้นผมก็ถามดิงว่า มันเกิดอะไรขึ้น ดิงได้เล่าว่า อยู่ดีๆผมก็ลุกขึ้นวิ่งไปกลางถนน แหกปากโว้ยวาย ทำสีหน้าเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง จนกระทั้งมีรถยนต์ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนตัวผมกระเด้นไปอีกฝั่ง เขาตกใจอย่างมากรีบโทรตำรวจและพาผมมาส่งโรงพยาบาลเมื่อผมได้ยินเช่นนั้น ผมรู้ทันทีเลยว่าผมถูกผีหลอก สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นทีเห็นและได้ยิน จากนั้นผมจึงพยายามอธิบาทุกอย่างให้กับดิงฟัง เขาเชื่อในสิ่งทีผมพูด เขารู้ว่าผมโดนผีหลอกแน่ๆ แต่ถ้าเราไปบอกใครว่าผมโดนรถชนเพราะผีหลอกก็คงไม่มีใครเชื่อ ผมจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เก็บอุทาหรณ์สอนใจ และเดินทางกลับบ้านดิงอีกครั้ง…


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กลับป่าช้ากันเถอะ
ปู่โสม เฝ้าสวน
นัดเล่า…ผี
ซากสยอง กลางดงมรณะ
เรื่องผี ขยี้ขวัญ
ตัวตายตัวแทน