วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

ผีหลอน…คนเฮี้ยน

ถนนในค่ำคืนใต้หมู่เมฆคล้ายจะมีฝนตกในไม่ช้า สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงเวลานี้ถูกปิด แม้จะอยู่ในเขตเมืองกลางวันมีรถราแล่นกันขวักไขว่ บาทวิถีมีผู้คนสัญจร เวลาสามทุ่มกลับดูเปลี่ยวร้าง จะมีก็เพียงหญิงสาวคนเดียวเดินอยู่

ยุพาเธอทำงานโอทีจนดึกอาศัยว่าที่ทำงานกับที่พักอยู่ไม่ไกลสามารถเดินไปกลับได้ภายในยี่สิบนาทีก็ถึง บางทีก็อาศัยพี่วินช่วยไปส่งแต่ตอนนี้วินคงปิด หรือไม่ก็แยกย้ายไปทางอื่น พอแลดูแสงไฟกิ่งเหลืองอ๋อยดูริบหรี่ ต้นไม้ที่ปลูกประดับรายทางทอดเงาคล้ายจะมีคนยืนแอบอยู่ ทำให้อดหวาดหวั่นด้วยเกรงจะมีคนร้ายมาฉุดคร่าหมายเอาทรัพย์สิน หรือประสงค์ต่อร่างกายที่เคยเป็นข่าวลงสื่อกระแสหลักและโซเชียล ผู้หญิงมักตกเป็นเป้าหมายของคนร้าย ทำให้เธอต้องระมัดระวังตัวไม่น้อย

ลมแรงพัดกรูเกรียว ผงคลี่บนผิวถนนม้วนตลบหอบเอาบรรดาแผ่นพับใบปลิวว่อนไปมาตกพื้นดังแสกสาก เสียงฟ้าเสียงฝนใกล้เข้ามาทุกที กายสาวให้รู้สึกสั่นสะท้านกับละอองเย็นชื้นหัวใจยิ่งเต้นสั่นระรัว ก่อนหน้าเคยมีข่าวคนร้ายกระชากกระเป๋าแถวนี้ทำให้ต้องระแวง

หอพักของเธออยู่อีกฟากถนนแล้วแสงไฟที่เปิดไว้ทางเข้าหอสว่างจ้า ไหนจัดเซเว่นที่อยู่ข้างเคียงทำให้รู้สึกอุ่นใจว่ารอดแล้ว ทันใดนั้นมีชายร่างใหญ่ในชุดวินเดินออกมาจากหลังต้นไม้เป็นไปตามคาด

ยุพายิ่งจิตตกกลัวคนร้ายอยู่ด้วยทำเอาผวา แต่แล้วก็ต้องถอนใจดังแรงเรียกชื่อพี่องอาจ พี่แกขับวินมอเตอร์ไซด์อยู่ปากซอย

เธอเดินมาถึงวินปากซอยโดยไม่รู้ตัว อาจจะเพราะตรงนี้มันมืดจึงมองผ่านตา แม้ปกติจะไม่ได้เรียกใช้บริการวินรับส่งเพราะหอพักอยู่ต้นซอย และที่ทำงานอยู่ในอีกโซน วินจะขับไปส่งข้ามแดนไม่ได้จะเกิดปัญหากับอีกวินเอาได้ แต่จะคุ้นเคยกับองอาจเพราะเป็นคนคบหากับนุชรีเพื่อนร่วมห้อง เคยนั่งทานข้าวเที่ยงด้วยกันบ่อย ในไลน์กับเฟสบุ๊คก็มีติดต่อกันอยู่

“พี่อาจนี่เอง ทำไมโผล่มาเงียบๆ ไฟในวินก็ไม่เปิด”

“โทษทียุ อ้ายกำลังจะกลับมัวนั่งเล่นโทรศัพท์เพลินไปหน่อย ไม่คิดว่ายุจะกลับมาดึกเลยออกมาทัก” หนุ่มผิวคลำร่างใหญ่เอามือกุมท้ายทอยยิ้มเขิน คนไม่รู้จักมาก่อนอาจจะดูน่ากลัว แต่ถ้าคุ้นเคย เขาเป็นอารมณ์ดีและช่างพูด ยุพาปรับระดับการหายใจ พยายามฝืนยิ้มตอบ

“วันนี้มีโอทีน่ะพี่ อยากเคลียร์งานให้มันจบก่อน รู้ตัวอีกทีสามทุ่มแล้ว ขากลับแถวนี้มันเปลี่ยวเหมือนกัน ดีที่มีวินตรงนี้ทำให้อุ่นใจหน่อย” ปลายน้ำเสียงของยุพายังสั่นอยู่เลย อาจจะด้วยบรรยากาศคืนนี้มันน่ากลัว คนร่างใหญ่ยินดีให้เป็นที่พักพิงเสมอ แม้ใบหน้าจะดำแต่ยิ้มทีเห็นฟันขาว พี่องอาจเป็นคนพูดเก่งด้วยเคยเป็นเซลขายของมาก่อน ขายประกันก็เคยทำมาแล้ว

“ยุต้องระวังด้วยนะ แถวนี้มันพึ่งมีโจรทาสยากระชากกระเป๋า ตำรวจเขาฝากให้วินช่วยดูแลให้ด้วย อ้ายนึกไว้แล้วไม่เห็นยุกลับมาจะต้องทำโอทีจนดึกแน่ อ้ายนั่งตรงนี้เห็นคนน่าสงสัยเดินเตร่ไปมาท่าทางไม่น่าไว้วางใจ”

“พี่อาจพูดแบบนี้ฉันชักกลัวแล้วสิ ตั้งแต่ได้ยินข่าวฉันเสียวสันหลังตลอด กลัวคนร้ายมันย่องมาด้านหลัง เรื่องเงินฉันพกติดกระเป่าไม่เท่าไหร่ ปกติฉันใช้โทรศัพท์สแกนจ่าย กลัวอย่างเดียวมันจะฉุดไปทำอย่างว่าเอา”

“ไอ้หน้าไหนมันคิดจะทำ ต้องเจออ้ายก่อน ฮะๆ แถวนี้เปลี่ยวก็ที่วินนี่แหละ ถ้ามีคนในวินนั่งอยู่จะไม่ให้เกิดเรื่องอีกแน่ อ้ายสัญญา” พี่องอาจพูดไปยิ้มไป เป็นคนตัวใหญ่ผิวคล้ำหน้าดุแต่ใจดี เคยตามจีบเธอแต่ไม่เล่นด้วย ต่อมาองอาจก็หันไปคบกับพี่นุชรีเพื่อนร่วมห้องของเธอ

สองคนเดินเคียงกันไป องอาจชี้ให้ดูรอยบนพื้นถนน บอกวันนี้หลังจากยุพาไปทำงาน ได้เกิดอุบัติเหตุกับคนในวิน ขณะพาผู้โดยสารออกจากซอยไปเจอะเอารถแท็กซี่ตีนชนเข้าเต็มลำ วินผู้เคราะห์ร้ายถูกบดขยี้ทั้งรถทั้งคนติดใต้ท้องรถก่อนจะแฉลบไปชนแบริเออร์คอนกรีต ส่วนผู้หญิงร่างกระเด็นศีรษะโหม่งพื้นดับคาที่เช่นกัน ทำเอายุพาผวาหวังว่าจะไม่ใช่คนรู้จักของเธอ

“น่ากลัวจัง ไม่น่าเลยต้องมาตายแบบนี้ พี่อาจก็ระวังด้วยนะขับรถขับรา พลาดเพียงครั้งเดียวไม่มีโอกาสแก้ตัว ว่าแต่พี่อาจเห็นพี่นุชรีไหม วันนี้เป็นวันหยุดของพี่เค้า ฉันชักเป็นห่วงแล้วสิพักหลังมานี้ตอนเช้าฉันออกไปทำงาน สวนทางกับพี่นุชรีพึ่งกลับมา เลยไม่ค่อยได้พูดคุยปรึกษาเหมือนตอนที่ทำงานบริษัทเดียวกัน”

“ไม่เห็นนะ ปกตินุชชอบนอน วันหยุดไม่ชอบไปไหน” องอาจตอบด้วยยิ้มอย่างระอา

ยุพากับนุชรีเคยทำงานบัญชีด้วยกัน ต่อมานุชรีได้ลาออกมาทำงานเป็นแคชเซียร์ในผับบาร์ยามราตรีเพราะได้เงินดีกว่า ทั้งสองคนเช่าหอพักอยู่ด้วยกันจะได้แชร์กันจ่าย รักใคร่เหมือนพี่สาวคนละฝาต่างพ่อต่างแม่แต่ ถูกโฉลกต้องตาตั้งแต่เธอเข้าทำงานที่บริษัทฯ นี้เป็นครั้งแรก

ยุพาทำงานแปดโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็นวันไหนมีงานด่วนต้องเคลียร์ก็เลิกสามทุ่มถือว่าดึกสุด ส่วนนุชรีเริ่มทำงานหนึ่งทุ่มเลิกตีสามตีสี่บางทีก็ตีห้าช้าสุดก็หกโมงเช้า เจอกันก็แค่งัวเงียทักทายแล้วหลับต่อ ไม่ก็สลับที่กัน นุชรีทิ้งตัวลงนอน ยุพาลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน

องอาจเดินมาส่งถึงหน้าหอพักเท่านั้น ลุงแจ่มยามเฝ้าหอพักยกมือชี้ในเมื่อตามกฎผู้ชายเข้าหอหญิงล้วนไม่ได้ เหมือนพี่เขามีอะไรอยากจะพูดแต่ก็เงียบเสีย เพียงโบกมือโรยๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินกลับไปทางสี่แยกขามา นุชรีพาความเหน็ดเหนื่อยขึ้นบันไดไป ออฟฟิศก่อนขึ้นบันไดเป็นห้องกระจกจะมองเห็นคนเข้าออก

กฎของที่นี่ห้ามผู้ชายขึ้นหอขึ้นป้ายตัวโต พี่แพรวคนดูแลหอเป็นคนปากจัด และชอบจ้องจับผิด เป็นสาวใหญ่อายุสี่สิบปลายๆ ไม่มีลูกผัวมีแต่หลานสาวชื่อน้องเฟิร์นที่รับเลี้ยงเหมือนลูกบางทีเอาตัวมาช่วยงาน นิสัยพี่แกปากจัดแค่มีผู้ชายมาส่งหน้าหอก็จ้องเข้ามาแล้ว เคยมีคนถูกไล่จากหอเพราะเอาผู้ชายมายืนคุย อ้างว่าถ้าเผลอก็จะพากันขึ้นห้อง ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมราคาถูก เจ้าของรู้เข้าคนดูแลจะโดนว่าเอาได้

หอพักที่นี่มีความสะอาดปลอดภัย มียามที่ทำงานแข็งขันอย่างลุงแจ่ม ที่สำคัญราคาไม่แรง ยุพาจึงไม่อยากย้ายไปไหน ถ้าพี่แพรวดุด่าว่าอะไรมาจะทำหูทวนลมเสีย อาจเป็นเพราะครั้งแรกพบหน้ากันเธอดั้นไปเรียกป้าเลยโดนเขม่นมานับแต่นั้น ปกติก็ไม่ค่อยมีไมตรีกับคนในหอ ยกเว้นก็แต่พี่นุชรี ที่เป็นคนสุรินทร์บ้านเดียวกัน

คืนนี้แปลกไป ในห้องกระจกมีเพียงน้องเฟิร์นนั่งเล่นเกมอยู่คนเดียว น้องเป็นคนหน้าตาดีอายุแค่สิบสี่ มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาขายขนมจีบไม่เว้นวาย จนคนเป็นป้าต้องสั่งกักตัวให้อยู่เฝ้าสำนักงาน ปกติยุพาไม่ค่อยได้ทักทายเกิดนึกอะไรไม่รู้เลยถามดู

“น้องเฟิร์น คืนนี้ป้าแพรวไม่อยู่เหรอ”

เด็กสาวหยุดมือจากเกม ถอนหายใจดังแรง สีหน้าหม่นหมองคล้ายจะมีน้ำตาคลอ

“ป้าโชคร้าย รถมอเตอร์ไซด์ล้มจ๊ะพี่นุช”

ยุพาฟันกรามค้าง ตกใจกับคำตอบที่ได้ยิน อย่าบอกนะว่าอุบัติเหตุตรงสี่แยกก่อนถึงหอพัก รอยบนพื้นถนนพวกนั้นจะเป็นของพี่แพรว แกมักเรียกวินมอเตอร์ไซด์ไปส่งในอีกซอย มีร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำที่ชอบไป บางทีพี่นุชรีก็ชอบไปด้วย สองคนนี้จะค่อนข้างสนิทกันเพราะเป็นคนบ้านเดียวกันจังหวัดติดชายแดนกัมพูชา บางทีก็พูดคุยกันด้วยภาษาท้องถิ่นที่เธอฟังไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าเป็นภาษาขแมร์เลอ

“แถวไหน อย่าบอกนะว่าอุบัติเหตุตรงปากซอยตรงนี้ โอ้ย ฉันจะเป็นลม” จะต้องเป็นที่พี่องอาจชี้ให้ดูแน่ใกล้เค่นี้เอง เด็กสาวพยักหน้าตอบรับด้วยแววตาเศร้าสร้อย

“ใช่แล้วพี่ยุ ป้าโดนแท็กซี่ชนเข้ากลางลำทั้งคนขับคนซ้อน โชคร้ายจริงๆ ว่าแต่พี่นุชยังไม่รู้ข่าวอีกเหรอ คนใกล้ตัวเลยนะทำไมถึงเงียบไป ฉันเห็นเก็บตัวเงียบในห้องไม่ออกมา”

“ไม่น่าเลย ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องแย่ๆ ด้วยนะ” ยุพาได้แต่ถอนใจพร้อมกับส่ายหน้า

“ได้ยินว่าศพมีญาตินำกลับไปต่างจังหวัดแล้ว พี่ยุพาจะไปไหว้ศพไหม” เด็กถาม

“แล้วอยู่จังหวัดไหน พี่ยังไม่รู้เลย”

เด็กมองหน้าอย่างไม่เข้าใจคนพูด ก่อนจะบอกว่าอยู่จังหวัดสุรินทร์ แล้วถามกลับจะไปร่วมงานไหม ยุพาเอ่ยปากแบ่งรับแบ่งสู้ด้วยยังไม่แน่ใจจะไปได้เรื่องลางานไม่ใช่เรื่องง่าย ตอบท้ายด้วยถ้านุชรีไปก็จะขอลางานติดตามไปด้วย ทำเอาเด็กอึ้งงันพูดอะไรไม่ออก ยุพาขอตัวขึ้นห้องไปด้วยความรู้สึกผิด เคยด่าว่าพี่แพรวไว้เยอะแม้จะในใจก็เถอะ ทางพระว่ามันเป็นมโนกรรมต่อกรรม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปขออโหสิกรรม ชาติหน้าจะได้ไม่มามีเวรมีกรรมต่อกันอีก

ห้องพักอยู่ชั้นสองมีห้องให้เช่าชั้นละสี่ห้องตรงกลางเป็นทางเดินกว้างเมตรครึ่ง นุชรีกับยุพาเช่าอยู่ชั้นสองห้องแรกสุดด้านซ้ายมือ ประมาณว่าเดินขึ้นบันไดเจอระเบียงสำหรับชั้นวางรองเท้าเลี้ยวขวาอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูห้อง

ฮือ ฮือ ฮือ

เสียงผู้หญิงร้องไห้ดังแว่วมา เสียงมันเย็นๆ ชวนให้ขนลุก ยุพาบอกกับตัวเองมีห้องไหนดูหนังดูละครแล้วเปิดประตูอ้าไว้ให้เสียงเล็ดลอดออกมา กฎของหอพักออกเข้มงวดห้ามส่งเสียงดังรบกวน

แอด…

พอเปิดประตูเข้าไปในห้องมืด แสงจากทางเดินด้านนอกส่องเข้าไปพอสลัวราง เห็นร่างคลุมโปงในผ้าห่ม พลันเสียงร้องไห้ได้เงียบไป ยุพาพึ่งนึกได้วันนี้เป็นวันหยุดของนุชรี

“พี่นุช รู้ใช่ไหมพี่แพรวเสียแล้ว ฉันพึ่งได้ยินมาจากน้องเฟิร์นมาเมื่อตะกี้”

“อือ…” เสียงอู้อี้ตอบรับมาจากในผ้าห่ม ซุกหน้าซุกอยู่กับหมอนข้างใบเก่าสีขาวล้วนซีดจางแต่ยังแลดูสะอาดตา

“พี่นุชได้ยินที่ฉันไหมนี่ ป้าแพรว เอ๊ย พี่แพรวเสียแล้ว ตอนนี้ญาติเอาศพกลับไปทำพิธีที่บ้าน ที่จังหวัดสุรินทร์บ้านพี่” ร่างในผ้าห่มสั่นสะท้าน มีเสียง ฮือ ฮือ ดังเล็ดลอดออกมา ยุพาใจแป้วพี่แกอาจจะร้องไห้อยู่ก็เป็นได้ ในที่สุดเสียงแผ่วต่ำคล้ายคนเป็นไข้ก็ดังออกมา นุชรีเลิกผ้าห่มมามอง ในแสงน้อยยังพอมองออกใบหน้านั้นขาวซีด ดวงตาแดงคล้ายคนร้องไห้มามาก

“พี่รู้แล้ว ขอเวลาพี่ทำใจได้ไหม พักนี้ชีวิตพี่มีแต่เรื่องแย่ๆ”

“ได้จ้ะพี่ ฉันไม่กวนพี่แล้ว ทำใจดีๆ เข้าไว้นะ”

ยุพาสะดุดตากับรูปถ่ายขององอาจแฟนหนุ่มของนุชรี มันเคยวางอยู่ข้างเตียง เวลานี้มันตกลงบนพื้นกระจกแตกเรี่ยราย ยุพารีบหาไม้กวาดกับที่ตักผงมาโกยก่อนที่จะมีใครมาเหยียบมันเข้า ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว ยุพาหยุดมือจากไม้กวาดสีหน้าตื่นตระหนกเพราะเห็นเลือดหยดเป็นทาง นุชรีคงเหยียบเศษกระจกเข้าให้แล้วเป็นแน่ พอเขย่าเรียกถามเรื่องรูปของพี่องอาจกับหยดเลือดที่พื้น นุชรีตอบโดยนอนหันหลังว่าเป็นคนเหยียบเศษกระจก ทำแผลเองแล้วไม่ต้องห่วง

ยุพาไม่อาจเก็บงำความสงสัยไว้ได้นึกสังหรณ์ใจนุชรีกับองอาจจะต้องทะเลาะกันมาแน่ องอาจเป็นคนเจ้าคารม ชอบเทคแคร์ ชอบทุ่มเงินเป็นสายเปย์ ทั้งที่ทำงานขับวิน รายได้จะสักแค่ไหนกันเซียว คนลักษณะนี้คือพวกสร้างภาพ และมันก็เป็นจริงเมื่อนุชรีลุกขึ้นมานั่งยอมเปิดปากบอกเองว่าทะเลาะกับองอาจมาเลยทุบกรอบรูปทิ้งเพราะความโมโห แม้ในห้องไม่เปิดไฟมีเพียงแสงจากทางเดินผ่านประตูเข้ามาทำให้ในห้องสลัวราง ดวงตาคู่นั้นของนุชรีแดงช้ำเพราะร้องไห้มามาก ไหนจะเรื่องทำร้ายตัวเองอีก

“อาจแอบแชทไลน์ กับส่งสติกเกอร์ในเฟสบุ๊คกับผู้หญิงอื่น ฉันไม่รู้ผู้หญิงเป็นใคร รูปโปรไฟล์ก็ใช้รูปแมวเปอร์เซีย ชื่อมายด์แคท มายด์เลิฟ ฉันคาดคั้นอาจหลายทีแล้ว ไม่ยอมรับแล้วยังบล็อกเฟสฉันไม่ให้ตามส่อง จะให้เชื่อใจได้ไง พี่อาจไม่ได้แอบไปคบกับคนใหม่”

นึกไม่ถึงเรื่องทุกข์ใจของนุชรีจะไม่ใช่แค่เรื่องการตายของพี่แพรว ยังมีเรื่องของผู้ชายที่คบหาด้วย ยุพาหย่อนตัวลงนั่ง ได้แต่บอกกับตัวเองให้ใจนิ่งๆ ไว้ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เฟสที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นแมวเปอร์เซีย ชื่อมายด์แคท มายด์เลิฟเป็นของเธอเอง พี่องอาจแค่ทักมาก็ทักกลับ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับคู่รักของเพื่อนรุ่นพี่ซะหน่อย

“เออ… เรื่องนั้น พี่นุชอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้ พี่องอาจเป็นคนนิสัยดีคงไม่ได้นอกใจหรอก”

“นิสัยดีกะผีสิ คบไม่ถึงอาทิตย์ก็ออกปากขอยืมเงิน บอกแม่ป่วย แค่พันเดียวเอาเป็นค่ารถไปหาหมอ จะต้องโอนไปให้ด่วน แล้วพรุ่งนี้จะมาเคลียร์ให้” นุชรีบอกหมดเปลือกอย่างอัดอั้นตันใจ หลังจากนั้นองอาจก็ยืมเงินอีกหลายครั้ง แม้ไม่มากแต่บ่อยครั้งเข้า ถ้านับจริงๆ มันก็หลายหมื่น เขาทำเหมือนเรื่องปกติ เงินเลี้ยงเหล้าเพื่อนในวิน สี่ซ้าห้าร้อยก็มาขอไปก่อนทุกที ดวงตาแดงช้ำหันมามองเพื่อนรุ่นน้องทำเอาต้องหลบตา

“ยังจำได้ไหม ที่พี่เจอองอาจกับยุกินข้าวเที่ยงในร้านขาหมูในอีกซอย องอาจไม่ได้กะจะเรียกพี่ไปกินด้วยเลยนะ พี่แพรวไปเจอเลยโทรตามมา แล้วเงินที่อาจบอกว่าจะเลี้ยงข้าวมื้อนั้น มันก็เงินพี่”

“เปนงั้นไป ฉันนึกว่าพี่อาจเป็นสายเปย์เสียอีก” ยุพาแสร้งขำ แต่มันตลกฝืดสิ้นดี ได้แต่แล้วลอบถอนหายใจ โชคดีในห้องแสงสลัว คงไม่ทันสังเกตสีหน้าของคู่สนทนา

“ยุ เธอมีอะไรจะพูดกับพี่มั้ย” อยู่ๆ น้ำเสียงของนุชรีก็ดุขึ้นมา

ยุพาบอกตนเองคนจริงเหมือนกัน ในเมื่อไม่ใช่เรื่องจริง องอาจแค่ตามตื้อในเฟสในไลน์ ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมันยังไม่เกิด

“พี่นุช ฉันจะบอกครั้งเดียวนะ พี่อาจตามจีบฉันมาก่อนหน้าพี่นุชเสียอีก แต่ฉันไม่เล่นด้วย ถึงตอนนี้ก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนความคิด ฉันดูออกผู้ชายประเภทนี้กะล่อน ยิ่งมาได้ยินจากปากพี่คืนนี้ยิ่งชัดเลย แล้วที่ผ่านมาฉันเห็นว่าเป็นคนคบหากับพี่ เลยไม่อยากเมินเฉยใส่ เขามาทักทายฉันก็ทักตอบไปตามประสาคนรู้จักกัน ส่วนเรื่องกินข้าวเที่ยงวันนั้น เขาทักมาในไลน์บอกว่าพี่นุชนัดให้มาพบกันที่ร้านข้าวขาหมู ฉันพึ่งรู้ตอนนี้เองมันไม่ใช่”

“ตกลง ยุไม่ได้คบกับองอาจใช่ไหม” นุชรีเสียงอ่อนลง กระแสเสียงมีความรบเร้า

“ให้สาบานต่อหน้าพระวัดไหนก็ได้นะพี่นุช เราคบกันมาหลายปี นิสัยฉันเป็นยังไงพี่ก็น่าจะรู้ อย่าปล่อยให้ผู้ชายที่พึ่งคบหากันได้ไม่นานมาทำลายเพื่อนเลยดีกว่า ฉันตอบได้แค่นี้แหละ”

นุชรียิ้มได้ทั้งน้ำตามันเป็นยิ้มของคนที่ปลงตกแล้ว ไม่มีอะไรให้ค้างคาใจอีก เข้ามาสวมกอดยุพา ทั้งสองสะอื้นไห้ไปพร้อมกัน

ฮือ ฮือ ฮือ

เสียงร้องไห้ยังดังมาอีก ในเมื่อประตูห้องไม่ได้ปิดไว้ ยุพาย่องออกไปดู ห้องฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางซ้ายเห็นประตูเปิดกว้าง เป็นห้องของยัยหมู จะต้องใช่แน่หมูติดละครหลังข่าว ช่วงนี้ตัวละครคงใช้น้ำตาเรียกเรทติ้งจากคนดู

“หมูแน่ เปิดเสียงทีวีซะดังเลย” ยุพาพูดขณะจะเดินไปห้องที่ว่า

แอด…แกรก

ก่อนที่เธอจะเดินไปถึง พลันประตูห้องของผู้หญิงชื่อหมูถูกปิด ยุพารู้สึกขัดใจแรงว่าจะเคาะห้องเรียกออกมาต่อว่า เสียงร้องไห้ได้เงียบลง เจ้าตัวอาจจะรู้แล้วก็ได้เรื่องเปิดทีวีรบกวนคนอื่น เวลานี้น้ำยังไม่ได้อาบ เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยน ยุพารู้ตัวว่ากำลังหงุดหงิด บอกกับตัวเองให้สงบใจเข้าไว้ ทันใดนั้นข้อความในไลน์มันเด้งขึ้นมา

ให้หนี…

“อะไรวะ นังหมูชักเอาใหญ่แล้วนะ ส่งข้อความอะไรมานี่ ให้หนีอะไร”

ฮือ ฮือ ฮือ

เสียงอันเยือกเย็นดังออกมาอีกแล้ว คราวนี้ดังมาจากข้างล่าง ยุพาย่องไปเกาะเหลี่ยมมุมบังก่อนลงบันได มองลงไปข้างล่างที่มีเพียงห้องกระจกสำนักงานของหอพัก เธอเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหน้า ใส่ชุดนอนสีขาว และใส่โรลที่ดัดผม ร่างถึกดูเหมือนกะเทยมีอายุ นั่นล่ะใช่เลยพี่แพรว ยุพารีบหลบแวบหายใจเข้าออกแรง เห็นจะรีบกลับเข้าห้อง

“พี่นุชๆ ฉันเจอพี่แพรว ร้องไห้อยู่ข้างล่าง” ยุพาพาสติเตลิดย้อนกลับมา ไหนเด็กบอกว่าตายแล้ว

นุชรียังคงนอนซมใต้ผ้าห่มในห้องมืด พอถูกรบเร้าจึงยันตัวขึ้นมายากเย็น ข้อต่อและเส้นเอ็นในร่างกายลั่นดังกร๊อบเส้นผมยาวปรกหน้า น้ำเสียงที่เปล่งออกมายานคางมากทำเอาคนฟังขนลุกขนพอง

“เธออาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้นะยุพา” น้ำเสียงเยือกเย็นตอบมา

“พะ พี่นุช ฉะฉัน จะลงไปซื้อของกินที่เซเว่นก่อนนะ”

ยุพาพาเอาขวัญกระเจิงลงบันไดหอพัก เกือบเตลิดไปไม่มีจุดหมาย ลุงแจ่มก็ไม่รู้เดินไปทางไหนแล้ว พอดีวิ่งมาถึงหน้าเซเว่นเห็นคนเดินเข้าเดินออกขวักไขว่ให้เป็นที่น่าอุ่นใจเลยต้องเข้าไปหลบทำใจในนั้นก่อน

คนเฮี้ยน ผีหลอน
กระทู้สนทนา
เรื่องเล่าสยองขวัญแต่งเรื่องสั้นเรื่องสั้น
เรื่องนี้ขอสงวนสิทธิ์นะครับ ห้ามนำไปเผยเเพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอบคุณครับ

ถนนในค่ำคืนใต้หมู่เมฆคล้ายจะมีฝนตกในไม่ช้า สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงเวลานี้ถูกปิด แม้จะอยู่ในเขตเมืองกลางวันมีรถราแล่นกันขวักไขว่ บาทวิถีมีผู้คนสัญจร เวลาสามทุ่มกลับดูเปลี่ยวร้าง จะมีก็เพียงหญิงสาวคนเดียวเดินอยู่

ยุพาเธอทำงานโอทีจนดึกอาศัยว่าที่ทำงานกับที่พักอยู่ไม่ไกลสามารถเดินไปกลับได้ภายในยี่สิบนาทีก็ถึง บางทีก็อาศัยพี่วินช่วยไปส่งแต่ตอนนี้วินคงปิด หรือไม่ก็แยกย้ายไปทางอื่น พอแลดูแสงไฟกิ่งเหลืองอ๋อยดูริบหรี่ ต้นไม้ที่ปลูกประดับรายทางทอดเงาคล้ายจะมีคนยืนแอบอยู่ ทำให้อดหวาดหวั่นด้วยเกรงจะมีคนร้ายมาฉุดคร่าหมายเอาทรัพย์สิน หรือประสงค์ต่อร่างกายที่เคยเป็นข่าวลงสื่อกระแสหลักและโซเชียล ผู้หญิงมักตกเป็นเป้าหมายของคนร้าย ทำให้เธอต้องระมัดระวังตัวไม่น้อย

ลมแรงพัดกรูเกรียว ผงคลี่บนผิวถนนม้วนตลบหอบเอาบรรดาแผ่นพับใบปลิวว่อนไปมาตกพื้นดังแสกสาก เสียงฟ้าเสียงฝนใกล้เข้ามาทุกที กายสาวให้รู้สึกสั่นสะท้านกับละอองเย็นชื้นหัวใจยิ่งเต้นสั่นระรัว ก่อนหน้าเคยมีข่าวคนร้ายกระชากกระเป๋าแถวนี้ทำให้ต้องระแวง

หอพักของเธออยู่อีกฟากถนนแล้วแสงไฟที่เปิดไว้ทางเข้าหอสว่างจ้า ไหนจัดเซเว่นที่อยู่ข้างเคียงทำให้รู้สึกอุ่นใจว่ารอดแล้ว ทันใดนั้นมีชายร่างใหญ่ในชุดวินเดินออกมาจากหลังต้นไม้เป็นไปตามคาด

ยุพายิ่งจิตตกกลัวคนร้ายอยู่ด้วยทำเอาผวา แต่แล้วก็ต้องถอนใจดังแรงเรียกชื่อพี่องอาจ พี่แกขับวินมอเตอร์ไซด์อยู่ปากซอย

เธอเดินมาถึงวินปากซอยโดยไม่รู้ตัว อาจจะเพราะตรงนี้มันมืดจึงมองผ่านตา แม้ปกติจะไม่ได้เรียกใช้บริการวินรับส่งเพราะหอพักอยู่ต้นซอย และที่ทำงานอยู่ในอีกโซน วินจะขับไปส่งข้ามแดนไม่ได้จะเกิดปัญหากับอีกวินเอาได้ แต่จะคุ้นเคยกับองอาจเพราะเป็นคนคบหากับนุชรีเพื่อนร่วมห้อง เคยนั่งทานข้าวเที่ยงด้วยกันบ่อย ในไลน์กับเฟสบุ๊คก็มีติดต่อกันอยู่

“พี่อาจนี่เอง ทำไมโผล่มาเงียบๆ ไฟในวินก็ไม่เปิด”

“โทษทียุ อ้ายกำลังจะกลับมัวนั่งเล่นโทรศัพท์เพลินไปหน่อย ไม่คิดว่ายุจะกลับมาดึกเลยออกมาทัก” หนุ่มผิวคลำร่างใหญ่เอามือกุมท้ายทอยยิ้มเขิน คนไม่รู้จักมาก่อนอาจจะดูน่ากลัว แต่ถ้าคุ้นเคย เขาเป็นอารมณ์ดีและช่างพูด ยุพาปรับระดับการหายใจ พยายามฝืนยิ้มตอบ

“วันนี้มีโอทีน่ะพี่ อยากเคลียร์งานให้มันจบก่อน รู้ตัวอีกทีสามทุ่มแล้ว ขากลับแถวนี้มันเปลี่ยวเหมือนกัน ดีที่มีวินตรงนี้ทำให้อุ่นใจหน่อย” ปลายน้ำเสียงของยุพายังสั่นอยู่เลย อาจจะด้วยบรรยากาศคืนนี้มันน่ากลัว คนร่างใหญ่ยินดีให้เป็นที่พักพิงเสมอ แม้ใบหน้าจะดำแต่ยิ้มทีเห็นฟันขาว พี่องอาจเป็นคนพูดเก่งด้วยเคยเป็นเซลขายของมาก่อน ขายประกันก็เคยทำมาแล้ว

“ยุต้องระวังด้วยนะ แถวนี้มันพึ่งมีโจรทาสยากระชากกระเป๋า ตำรวจเขาฝากให้วินช่วยดูแลให้ด้วย อ้ายนึกไว้แล้วไม่เห็นยุกลับมาจะต้องทำโอทีจนดึกแน่ อ้ายนั่งตรงนี้เห็นคนน่าสงสัยเดินเตร่ไปมาท่าทางไม่น่าไว้วางใจ”

“พี่อาจพูดแบบนี้ฉันชักกลัวแล้วสิ ตั้งแต่ได้ยินข่าวฉันเสียวสันหลังตลอด กลัวคนร้ายมันย่องมาด้านหลัง เรื่องเงินฉันพกติดกระเป่าไม่เท่าไหร่ ปกติฉันใช้โทรศัพท์สแกนจ่าย กลัวอย่างเดียวมันจะฉุดไปทำอย่างว่าเอา”

“ไอ้หน้าไหนมันคิดจะทำ ต้องเจออ้ายก่อน ฮะๆ แถวนี้เปลี่ยวก็ที่วินนี่แหละ ถ้ามีคนในวินนั่งอยู่จะไม่ให้เกิดเรื่องอีกแน่ อ้ายสัญญา” พี่องอาจพูดไปยิ้มไป เป็นคนตัวใหญ่ผิวคล้ำหน้าดุแต่ใจดี เคยตามจีบเธอแต่ไม่เล่นด้วย ต่อมาองอาจก็หันไปคบกับพี่นุชรีเพื่อนร่วมห้องของเธอ

สองคนเดินเคียงกันไป องอาจชี้ให้ดูรอยบนพื้นถนน บอกวันนี้หลังจากยุพาไปทำงาน ได้เกิดอุบัติเหตุกับคนในวิน ขณะพาผู้โดยสารออกจากซอยไปเจอะเอารถแท็กซี่ตีนชนเข้าเต็มลำ วินผู้เคราะห์ร้ายถูกบดขยี้ทั้งรถทั้งคนติดใต้ท้องรถก่อนจะแฉลบไปชนแบริเออร์คอนกรีต ส่วนผู้หญิงร่างกระเด็นศีรษะโหม่งพื้นดับคาที่เช่นกัน ทำเอายุพาผวาหวังว่าจะไม่ใช่คนรู้จักของเธอ

“น่ากลัวจัง ไม่น่าเลยต้องมาตายแบบนี้ พี่อาจก็ระวังด้วยนะขับรถขับรา พลาดเพียงครั้งเดียวไม่มีโอกาสแก้ตัว ว่าแต่พี่อาจเห็นพี่นุชรีไหม วันนี้เป็นวันหยุดของพี่เค้า ฉันชักเป็นห่วงแล้วสิพักหลังมานี้ตอนเช้าฉันออกไปทำงาน สวนทางกับพี่นุชรีพึ่งกลับมา เลยไม่ค่อยได้พูดคุยปรึกษาเหมือนตอนที่ทำงานบริษัทเดียวกัน”

“ไม่เห็นนะ ปกตินุชชอบนอน วันหยุดไม่ชอบไปไหน” องอาจตอบด้วยยิ้มอย่างระอา
แก้ไขข้อความเมื่อ 1 มีนาคม เวลา 21:23 น.
3 7
แจ็ค ในสวนถั่ว
1 มีนาคม เวลา 18:50 น.
เดือนเอก ถูกใจ, Krichapol Mchart ถูกใจ, Susisiri หลงรัก, สมาชิกหมายเลข 6679524 หลงรัก, ลูนาติก หลงรัก, Psycho G ทึ่ง, ลุงแผน หลงรัก

6 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ยุพากับนุชรีเคยทำงานบัญชีด้วยกัน ต่อมานุชรีได้ลาออกมาทำงานเป็นแคชเซียร์ในผับบาร์ยามราตรีเพราะได้เงินดีกว่า ทั้งสองคนเช่าหอพักอยู่ด้วยกันจะได้แชร์กันจ่าย รักใคร่เหมือนพี่สาวคนละฝาต่างพ่อต่างแม่แต่ ถูกโฉลกต้องตาตั้งแต่เธอเข้าทำงานที่บริษัทฯ นี้เป็นครั้งแรก

ยุพาทำงานแปดโมงเช้าเลิกห้าโมงเย็นวันไหนมีงานด่วนต้องเคลียร์ก็เลิกสามทุ่มถือว่าดึกสุด ส่วนนุชรีเริ่มทำงานหนึ่งทุ่มเลิกตีสามตีสี่บางทีก็ตีห้าช้าสุดก็หกโมงเช้า เจอกันก็แค่งัวเงียทักทายแล้วหลับต่อ ไม่ก็สลับที่กัน นุชรีทิ้งตัวลงนอน ยุพาลุกขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน

องอาจเดินมาส่งถึงหน้าหอพักเท่านั้น ลุงแจ่มยามเฝ้าหอพักยกมือชี้ในเมื่อตามกฎผู้ชายเข้าหอหญิงล้วนไม่ได้ เหมือนพี่เขามีอะไรอยากจะพูดแต่ก็เงียบเสีย เพียงโบกมือโรยๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินกลับไปทางสี่แยกขามา นุชรีพาความเหน็ดเหนื่อยขึ้นบันไดไป ออฟฟิศก่อนขึ้นบันไดเป็นห้องกระจกจะมองเห็นคนเข้าออก

กฎของที่นี่ห้ามผู้ชายขึ้นหอขึ้นป้ายตัวโต พี่แพรวคนดูแลหอเป็นคนปากจัด และชอบจ้องจับผิด เป็นสาวใหญ่อายุสี่สิบปลายๆ ไม่มีลูกผัวมีแต่หลานสาวชื่อน้องเฟิร์นที่รับเลี้ยงเหมือนลูกบางทีเอาตัวมาช่วยงาน นิสัยพี่แกปากจัดแค่มีผู้ชายมาส่งหน้าหอก็จ้องเข้ามาแล้ว เคยมีคนถูกไล่จากหอเพราะเอาผู้ชายมายืนคุย อ้างว่าถ้าเผลอก็จะพากันขึ้นห้อง ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมราคาถูก เจ้าของรู้เข้าคนดูแลจะโดนว่าเอาได้

หอพักที่นี่มีความสะอาดปลอดภัย มียามที่ทำงานแข็งขันอย่างลุงแจ่ม ที่สำคัญราคาไม่แรง ยุพาจึงไม่อยากย้ายไปไหน ถ้าพี่แพรวดุด่าว่าอะไรมาจะทำหูทวนลมเสีย อาจเป็นเพราะครั้งแรกพบหน้ากันเธอดั้นไปเรียกป้าเลยโดนเขม่นมานับแต่นั้น ปกติก็ไม่ค่อยมีไมตรีกับคนในหอ ยกเว้นก็แต่พี่นุชรี ที่เป็นคนสุรินทร์บ้านเดียวกัน

คืนนี้แปลกไป ในห้องกระจกมีเพียงน้องเฟิร์นนั่งเล่นเกมอยู่คนเดียว น้องเป็นคนหน้าตาดีอายุแค่สิบสี่ มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาขายขนมจีบไม่เว้นวาย จนคนเป็นป้าต้องสั่งกักตัวให้อยู่เฝ้าสำนักงาน ปกติยุพาไม่ค่อยได้ทักทายเกิดนึกอะไรไม่รู้เลยถามดู

“น้องเฟิร์น คืนนี้ป้าแพรวไม่อยู่เหรอ”

เด็กสาวหยุดมือจากเกม ถอนหายใจดังแรง สีหน้าหม่นหมองคล้ายจะมีน้ำตาคลอ

“ป้าโชคร้าย รถมอเตอร์ไซด์ล้มจ๊ะพี่นุช”

ยุพาฟันกรามค้าง ตกใจกับคำตอบที่ได้ยิน อย่าบอกนะว่าอุบัติเหตุตรงสี่แยกก่อนถึงหอพัก รอยบนพื้นถนนพวกนั้นจะเป็นของพี่แพรว แกมักเรียกวินมอเตอร์ไซด์ไปส่งในอีกซอย มีร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำที่ชอบไป บางทีพี่นุชรีก็ชอบไปด้วย สองคนนี้จะค่อนข้างสนิทกันเพราะเป็นคนบ้านเดียวกันจังหวัดติดชายแดนกัมพูชา บางทีก็พูดคุยกันด้วยภาษาท้องถิ่นที่เธอฟังไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าเป็นภาษาขแมร์เลอ

“แถวไหน อย่าบอกนะว่าอุบัติเหตุตรงปากซอยตรงนี้ โอ้ย ฉันจะเป็นลม” จะต้องเป็นที่พี่องอาจชี้ให้ดูแน่ใกล้เค่นี้เอง เด็กสาวพยักหน้าตอบรับด้วยแววตาเศร้าสร้อย

“ใช่แล้วพี่ยุ ป้าโดนแท็กซี่ชนเข้ากลางลำทั้งคนขับคนซ้อน โชคร้ายจริงๆ ว่าแต่พี่นุชยังไม่รู้ข่าวอีกเหรอ คนใกล้ตัวเลยนะทำไมถึงเงียบไป ฉันเห็นเก็บตัวเงียบในห้องไม่ออกมา”

“ไม่น่าเลย ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องแย่ๆ ด้วยนะ” ยุพาได้แต่ถอนใจพร้อมกับส่ายหน้า

“ได้ยินว่าศพมีญาตินำกลับไปต่างจังหวัดแล้ว พี่ยุพาจะไปไหว้ศพไหม” เด็กถาม

“แล้วอยู่จังหวัดไหน พี่ยังไม่รู้เลย”

เด็กมองหน้าอย่างไม่เข้าใจคนพูด ก่อนจะบอกว่าอยู่จังหวัดสุรินทร์ แล้วถามกลับจะไปร่วมงานไหม ยุพาเอ่ยปากแบ่งรับแบ่งสู้ด้วยยังไม่แน่ใจจะไปได้เรื่องลางานไม่ใช่เรื่องง่าย ตอบท้ายด้วยถ้านุชรีไปก็จะขอลางานติดตามไปด้วย ทำเอาเด็กอึ้งงันพูดอะไรไม่ออก ยุพาขอตัวขึ้นห้องไปด้วยความรู้สึกผิด เคยด่าว่าพี่แพรวไว้เยอะแม้จะในใจก็เถอะ ทางพระว่ามันเป็นมโนกรรมต่อกรรม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปขออโหสิกรรม ชาติหน้าจะได้ไม่มามีเวรมีกรรมต่อกันอีก

ห้องพักอยู่ชั้นสองมีห้องให้เช่าชั้นละสี่ห้องตรงกลางเป็นทางเดินกว้างเมตรครึ่ง นุชรีกับยุพาเช่าอยู่ชั้นสองห้องแรกสุดด้านซ้ายมือ ประมาณว่าเดินขึ้นบันไดเจอระเบียงสำหรับชั้นวางรองเท้าเลี้ยวขวาอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูห้อง

ฮือ ฮือ ฮือ

เสียงผู้หญิงร้องไห้ดังแว่วมา เสียงมันเย็นๆ ชวนให้ขนลุก ยุพาบอกกับตัวเองมีห้องไหนดูหนังดูละครแล้วเปิดประตูอ้าไว้ให้เสียงเล็ดลอดออกมา กฎของหอพักออกเข้มงวดห้ามส่งเสียงดังรบกวน

แอด…

พอเปิดประตูเข้าไปในห้องมืด แสงจากทางเดินด้านนอกส่องเข้าไปพอสลัวราง เห็นร่างคลุมโปงในผ้าห่ม พลันเสียงร้องไห้ได้เงียบไป ยุพาพึ่งนึกได้วันนี้เป็นวันหยุดของนุชรี

“พี่นุช รู้ใช่ไหมพี่แพรวเสียแล้ว ฉันพึ่งได้ยินมาจากน้องเฟิร์นมาเมื่อตะกี้”

“อือ…” เสียงอู้อี้ตอบรับมาจากในผ้าห่ม ซุกหน้าซุกอยู่กับหมอนข้างใบเก่าสีขาวล้วนซีดจางแต่ยังแลดูสะอาดตา

“พี่นุชได้ยินที่ฉันไหมนี่ ป้าแพรว เอ๊ย พี่แพรวเสียแล้ว ตอนนี้ญาติเอาศพกลับไปทำพิธีที่บ้าน ที่จังหวัดสุรินทร์บ้านพี่” ร่างในผ้าห่มสั่นสะท้าน มีเสียง ฮือ ฮือ ดังเล็ดลอดออกมา ยุพาใจแป้วพี่แกอาจจะร้องไห้อยู่ก็เป็นได้ ในที่สุดเสียงแผ่วต่ำคล้ายคนเป็นไข้ก็ดังออกมา นุชรีเลิกผ้าห่มมามอง ในแสงน้อยยังพอมองออกใบหน้านั้นขาวซีด ดวงตาแดงคล้ายคนร้องไห้มามาก

“พี่รู้แล้ว ขอเวลาพี่ทำใจได้ไหม พักนี้ชีวิตพี่มีแต่เรื่องแย่ๆ”

“ได้จ้ะพี่ ฉันไม่กวนพี่แล้ว ทำใจดีๆ เข้าไว้นะ”

ยุพาสะดุดตากับรูปถ่ายขององอาจแฟนหนุ่มของนุชรี มันเคยวางอยู่ข้างเตียง เวลานี้มันตกลงบนพื้นกระจกแตกเรี่ยราย ยุพารีบหาไม้กวาดกับที่ตักผงมาโกยก่อนที่จะมีใครมาเหยียบมันเข้า ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว ยุพาหยุดมือจากไม้กวาดสีหน้าตื่นตระหนกเพราะเห็นเลือดหยดเป็นทาง นุชรีคงเหยียบเศษกระจกเข้าให้แล้วเป็นแน่ พอเขย่าเรียกถามเรื่องรูปของพี่องอาจกับหยดเลือดที่พื้น นุชรีตอบโดยนอนหันหลังว่าเป็นคนเหยียบเศษกระจก ทำแผลเองแล้วไม่ต้องห่วง

ยุพาไม่อาจเก็บงำความสงสัยไว้ได้นึกสังหรณ์ใจนุชรีกับองอาจจะต้องทะเลาะกันมาแน่ องอาจเป็นคนเจ้าคารม ชอบเทคแคร์ ชอบทุ่มเงินเป็นสายเปย์ ทั้งที่ทำงานขับวิน รายได้จะสักแค่ไหนกันเซียว คนลักษณะนี้คือพวกสร้างภาพ และมันก็เป็นจริงเมื่อนุชรีลุกขึ้นมานั่งยอมเปิดปากบอกเองว่าทะเลาะกับองอาจมาเลยทุบกรอบรูปทิ้งเพราะความโมโห แม้ในห้องไม่เปิดไฟมีเพียงแสงจากทางเดินผ่านประตูเข้ามาทำให้ในห้องสลัวราง ดวงตาคู่นั้นของนุชรีแดงช้ำเพราะร้องไห้มามาก ไหนจะเรื่องทำร้ายตัวเองอีก

“อาจแอบแชทไลน์ กับส่งสติกเกอร์ในเฟสบุ๊คกับผู้หญิงอื่น ฉันไม่รู้ผู้หญิงเป็นใคร รูปโปรไฟล์ก็ใช้รูปแมวเปอร์เซีย ชื่อมายด์แคท มายด์เลิฟ ฉันคาดคั้นอาจหลายทีแล้ว ไม่ยอมรับแล้วยังบล็อกเฟสฉันไม่ให้ตามส่อง จะให้เชื่อใจได้ไง พี่อาจไม่ได้แอบไปคบกับคนใหม่”

นึกไม่ถึงเรื่องทุกข์ใจของนุชรีจะไม่ใช่แค่เรื่องการตายของพี่แพรว ยังมีเรื่องของผู้ชายที่คบหาด้วย ยุพาหย่อนตัวลงนั่ง ได้แต่บอกกับตัวเองให้ใจนิ่งๆ ไว้ ทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เฟสที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นแมวเปอร์เซีย ชื่อมายด์แคท มายด์เลิฟเป็นของเธอเอง พี่องอาจแค่ทักมาก็ทักกลับ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับคู่รักของเพื่อนรุ่นพี่ซะหน่อย

“เออ… เรื่องนั้น พี่นุชอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้ พี่องอาจเป็นคนนิสัยดีคงไม่ได้นอกใจหรอก”

“นิสัยดีกะผีสิ คบไม่ถึงอาทิตย์ก็ออกปากขอยืมเงิน บอกแม่ป่วย แค่พันเดียวเอาเป็นค่ารถไปหาหมอ จะต้องโอนไปให้ด่วน แล้วพรุ่งนี้จะมาเคลียร์ให้” นุชรีบอกหมดเปลือกอย่างอัดอั้นตันใจ หลังจากนั้นองอาจก็ยืมเงินอีกหลายครั้ง แม้ไม่มากแต่บ่อยครั้งเข้า ถ้านับจริงๆ มันก็หลายหมื่น เขาทำเหมือนเรื่องปกติ เงินเลี้ยงเหล้าเพื่อนในวิน สี่ซ้าห้าร้อยก็มาขอไปก่อนทุกที ดวงตาแดงช้ำหันมามองเพื่อนรุ่นน้องทำเอาต้องหลบตา

“ยังจำได้ไหม ที่พี่เจอองอาจกับยุกินข้าวเที่ยงในร้านขาหมูในอีกซอย องอาจไม่ได้กะจะเรียกพี่ไปกินด้วยเลยนะ พี่แพรวไปเจอเลยโทรตามมา แล้วเงินที่อาจบอกว่าจะเลี้ยงข้าวมื้อนั้น มันก็เงินพี่”

“เปนงั้นไป ฉันนึกว่าพี่อาจเป็นสายเปย์เสียอีก” ยุพาแสร้งขำ แต่มันตลกฝืดสิ้นดี ได้แต่แล้วลอบถอนหายใจ โชคดีในห้องแสงสลัว คงไม่ทันสังเกตสีหน้าของคู่สนทนา

“ยุ เธอมีอะไรจะพูดกับพี่มั้ย” อยู่ๆ น้ำเสียงของนุชรีก็ดุขึ้นมา

ยุพาบอกตนเองคนจริงเหมือนกัน ในเมื่อไม่ใช่เรื่องจริง องอาจแค่ตามตื้อในเฟสในไลน์ ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมันยังไม่เกิด

“พี่นุช ฉันจะบอกครั้งเดียวนะ พี่อาจตามจีบฉันมาก่อนหน้าพี่นุชเสียอีก แต่ฉันไม่เล่นด้วย ถึงตอนนี้ก็ไม่เคยคิดเปลี่ยนความคิด ฉันดูออกผู้ชายประเภทนี้กะล่อน ยิ่งมาได้ยินจากปากพี่คืนนี้ยิ่งชัดเลย แล้วที่ผ่านมาฉันเห็นว่าเป็นคนคบหากับพี่ เลยไม่อยากเมินเฉยใส่ เขามาทักทายฉันก็ทักตอบไปตามประสาคนรู้จักกัน ส่วนเรื่องกินข้าวเที่ยงวันนั้น เขาทักมาในไลน์บอกว่าพี่นุชนัดให้มาพบกันที่ร้านข้าวขาหมู ฉันพึ่งรู้ตอนนี้เองมันไม่ใช่”

“ตกลง ยุไม่ได้คบกับองอาจใช่ไหม” นุชรีเสียงอ่อนลง กระแสเสียงมีความรบเร้า

“ให้สาบานต่อหน้าพระวัดไหนก็ได้นะพี่นุช เราคบกันมาหลายปี นิสัยฉันเป็นยังไงพี่ก็น่าจะรู้ อย่าปล่อยให้ผู้ชายที่พึ่งคบหากันได้ไม่นานมาทำลายเพื่อนเลยดีกว่า ฉันตอบได้แค่นี้แหละ”

นุชรียิ้มได้ทั้งน้ำตามันเป็นยิ้มของคนที่ปลงตกแล้ว ไม่มีอะไรให้ค้างคาใจอีก เข้ามาสวมกอดยุพา ทั้งสองสะอื้นไห้ไปพร้อมกัน

ฮือ ฮือ ฮือ

เสียงร้องไห้ยังดังมาอีก ในเมื่อประตูห้องไม่ได้ปิดไว้ ยุพาย่องออกไปดู ห้องฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางซ้ายเห็นประตูเปิดกว้าง เป็นห้องของยัยหมู จะต้องใช่แน่หมูติดละครหลังข่าว ช่วงนี้ตัวละครคงใช้น้ำตาเรียกเรทติ้งจากคนดู

“หมูแน่ เปิดเสียงทีวีซะดังเลย” ยุพาพูดขณะจะเดินไปห้องที่ว่า

แอด…แกรก

ก่อนที่เธอจะเดินไปถึง พลันประตูห้องของผู้หญิงชื่อหมูถูกปิด ยุพารู้สึกขัดใจแรงว่าจะเคาะห้องเรียกออกมาต่อว่า เสียงร้องไห้ได้เงียบลง เจ้าตัวอาจจะรู้แล้วก็ได้เรื่องเปิดทีวีรบกวนคนอื่น เวลานี้น้ำยังไม่ได้อาบ เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยน ยุพารู้ตัวว่ากำลังหงุดหงิด บอกกับตัวเองให้สงบใจเข้าไว้ ทันใดนั้นข้อความในไลน์มันเด้งขึ้นมา

ให้หนี…

“อะไรวะ นังหมูชักเอาใหญ่แล้วนะ ส่งข้อความอะไรมานี่ ให้หนีอะไร”

ฮือ ฮือ ฮือ

เสียงอันเยือกเย็นดังออกมาอีกแล้ว คราวนี้ดังมาจากข้างล่าง ยุพาย่องไปเกาะเหลี่ยมมุมบังก่อนลงบันได มองลงไปข้างล่างที่มีเพียงห้องกระจกสำนักงานของหอพัก เธอเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหน้า ใส่ชุดนอนสีขาว และใส่โรลที่ดัดผม ร่างถึกดูเหมือนกะเทยมีอายุ นั่นล่ะใช่เลยพี่แพรว ยุพารีบหลบแวบหายใจเข้าออกแรง เห็นจะรีบกลับเข้าห้อง

“พี่นุชๆ ฉันเจอพี่แพรว ร้องไห้อยู่ข้างล่าง” ยุพาพาสติเตลิดย้อนกลับมา ไหนเด็กบอกว่าตายแล้ว

นุชรียังคงนอนซมใต้ผ้าห่มในห้องมืด พอถูกรบเร้าจึงยันตัวขึ้นมายากเย็น ข้อต่อและเส้นเอ็นในร่างกายลั่นดังกร๊อบเส้นผมยาวปรกหน้า น้ำเสียงที่เปล่งออกมายานคางมากทำเอาคนฟังขนลุกขนพอง

“เธออาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้นะยุพา” น้ำเสียงเยือกเย็นตอบมา

“พะ พี่นุช ฉะฉัน จะลงไปซื้อของกินที่เซเว่นก่อนนะ”

ยุพาพาเอาขวัญกระเจิงลงบันไดหอพัก เกือบเตลิดไปไม่มีจุดหมาย ลุงแจ่มก็ไม่รู้เดินไปทางไหนแล้ว พอดีวิ่งมาถึงหน้าเซเว่นเห็นคนเดินเข้าเดินออกขวักไขว่ให้เป็นที่น่าอุ่นใจเลยต้องเข้าไปหลบทำใจในนั้นก่อน
ตอบกลับ
0 4
แจ็ค ในสวนถั่ว
1 มีนาคม เวลา 18:59 น.
เดือนเอก ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 6679524 ทึ่ง, Psycho G ทึ่ง, ลูนาติก หลงรัก
ความคิดเห็นที่ 2
ซาลาเปากับฮอทด็อกเวฟจนอุ่นไม่นานก็เข้าไปนอนนิ่งในท้อง ขณะกำลังเพลินกับหนังสือแฟชั่นในชั้นหนังสือ เสียงดังก๊อก ก๊อก ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมา เสียงเคาะกระจกมาจากข้างนอกเซเว่น เห็นพี่องอาจยืนฉีกยิ้มให้เหมือนจะเรียกให้ออกไปพูดคุย เรื่องที่พูดคุยกับนุชรี ไม่ว่าเธอจะเป็นคนหรือผี เรื่องที่องอาจทำกับนุชรีไว้มันเลวร้ายเกินจะเห็นใจ องอาจนั่งบนอานรถมอเตอร์ไซด์ สีหน้ามีความเครียดกังวล

“มาทำไมอีก ฉันรู้เรื่องจากปากพี่นุชแล้วนะ” ยุพามาถึงก็พูดด้วยสายตาหยามหยัน

“อ้ายขอโทษ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” องอาจเอามือไถหน้าผาก หายใจแรง ในมือถือห่อกระดาษ

“อ่อ เรื่องยืมเงินผู้หญิง พี่นี่เป็นผู้ชายยังไงเกาะผู้หญิงกิน” ยุพาใช้คำแรงมาก

“อย่าด่าอ้ายอีกเลย อ้ายทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองได้ แต่ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องเงิน แม่ป่วย น้องก็ติดคดีเรื่องยาอีกต้องใช้เงินประกันตัว ช่วงนั้นหมุนเงินไม่ทันจริงๆ เคยพูดกับนุชรีแล้ว แต่เธอหาว่าอ้ายแต่งเรื่อง” กล่าวจบองอาจยื่นห่อกระดาษให้ พยักพเยิดให้ยุพารับไป จำใจต้องรับมาดูมันคืออะไร แล้วต้องแปลกใจมันคือธนบัตรราคาพันบาทคงมีไม่ต่ำกว่าสามหมื่น

“อ้ายขอฝากเงินเอาไปคืนนุชรีด้วย พี่จดเอาไว้ทั้งหมดที่ยืมไป ไม่เคยลืมเลย มีส่วนเกินเป็นดอกเบี้ยให้ด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือขององอาจ บอกความในใจว่าได้สำนึกผิดแล้ว ทำเอาน้ำใจหญิงแม้แข็งกร้าวเพียงใดยังอ่อนยวบ

“พะพี่ ทำไปเพื่ออะไรกันแน่” เธอเดาไม่ออกแล้วน้ำใจของผู้ชายคนนี้

“อ้ายหวังว่าจะได้เห็นหน้านุชรีสักครั้ง ยุพาไปเรียกนุชรีมาพบพี่ได้ไหม พี่รู้ว่ามันดึก แต่พี่มีเวลาไม่มากแล้ว”

องอาจพูดจบก็คอตก ยุพานิ่งงั้นหรือว่าเขาไปกู้เงินนอกระบบเอามาคืนให้นุชรี เคยได้ยินพูดให้ฟังบ่อยคนในวินติดหนี้แก๊งเงินกู้กันเยอะ ยุพาครางเออแบ่งรับแบ่งสู้ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยพี่นุชจะเป็นคน หรือผีกันแน่ ยิ่งในหอพักตอนนี้มันน่ากลัว แต่พอเห็นความเศร้าสร้อยของผู้ชายคนนี้ มาคิดดูแล้วน่าเห็นใจ…..


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กลับป่าช้ากันเถอะ
ปู่โสม เฝ้าสวน
นัดเล่า…ผี
ตัวตาย ตัวแทน
ซากสยอง กลางดงมรณะ
เรื่องผี ขยี้ขวัญ