รื่องที่ดิฉันจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทุกคนในเรื่องนี้และทุกการกระทำมีตัวตนอยู่จริงๆแต่บางบุคคลในเรื่องนี้ เธอก็ไม่มีโอกาสได้ลุกมาอ่านมันแล้ว ดิฉันจึงขอนำเรื่องเล่านี้ มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นอุทธาหรณ์และอาจจะเป็นแนวทางในการเลือกคบเพื่อน แก่ใครก็ตามที่อาจจะเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน จึงขอปรับเปลี่ยนชื่อของบุคคลที่ปรากฏในเรื่องเล่าต่อไปนี้ใหม่ทั้งหมด เพื่อมิให้บุคคลที่รู้จักพวกดิฉันเกิดความขุ่นข้องหมองใจใดๆทั้งนี้การเล่าในครั้งนี้มิได้ต้องการประจานผู้ใด หากใครบางคนจะมาอ่านแล้วรู้สึกว่าใช่เรื่องของเธอ ก็อย่าได้จองเวรกันเลย …………เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่ดิฉันเดินทางจากพัทลุง เข้ามาเรียน ปี.1 ที่ ม.ราชภัฏสงขลา ตอนนั้นดิฉันเข้าห้องเรียนโดยไม่รู้จักใคร เพราะเพื่อนที่มาด้วยกัน จากที่เดิม เรียนคณะอื่น เลยต้องมาเริ่มทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในห้องเอาเองแรกๆตอนเข้าห้องเรียน หากคนที่ไม่มีเพื่อนมาเรียนด้วยกัน ก็จะดูเชิงแบบคุมเชิงกันก่อน ดิฉันเองก็เช่นกันเพราะเรามาจากต่างจังหวัด เลยต้องนิ่งเพื่อดูท่าที ก็จะมีเพื่อนชายส่งยิ้มให้บ้าง…..พอวันหลังๆ ก็มีนางนึงเข้ามาทักทายดิฉัน เพราะได้เป็นบัดดี้บัดเดอร์กัน แต่ก็ไม่ได้ไปสนิทสนมอะไรกันแบบคุยกันแค่พอประมาณ จนมีสาวนางนึง ดูท่าเธอจะเป็นหัวโจกและเป็นคนชอบมีพวก เธอเป็นคนกล้าที่หน้าตาดีจึงรวบรวมคนที่เธอถูกชะตาเข้ากลุ่ม สมมุติว่าเธอชื่อ “เกด” ก็แล้วกัน…..เกด ก็เป็นคนเจ้าถิ่น คือเมืองสงขลานี่เอง เธอจึงมีความคุ้นชินและใจกล้ามากกว่าชาวต่างถิ่นที่เข้ามาเรียน คนไหนที่เกดอยากได้เข้ากลุ่ม เธอก็จะเข้ามาตีสนิท ชวนคุย ช่วงนั้นดิฉันเองก็ยังติดกับเพื่อเก่าๆอยู่ เลยยังไม่ค่อยเข้าไปสุงสิงกับกลุ่มของเกดเท่าไหร่แต่เกดก็จะตามติด คือไม่ว่าดิฉันจะทำอะไร เกดก็จะเข้ามาชวนตลอดจนดิฉันเข้าไปอยู่ในกลุ่ม ของเกดในที่สุด…..ในกลุ่มเรา จะมี6คน คือ ดิฉัน เกด มุก ตะนอย จำปา จำปี เกดดูจะเป็นคนฉลาดในการเลือกคนเข้ากลุ่มเพราะเกดเป็นคนสวย แต่ค่อนข้างขี้เกียจและหัวทึบเข้าใจอะไรได้ยาก เธอตีซี้เอาจำปี และจำปา มาเข้ากลุ่ม เพราะสองคนนี้ขยันในการเรียน และเป็นคนฉลาดหัวไว กว่าคนอื่นๆ ส่วนตะนอยกับมุก เป็นสองสาวสวยที่มีตัง ดูไฮโซ เกด อยากให้ตัวเองดูไฮโซไปด้วย เลยตีสนิทตะนอยกับมุกมาเข้ากลุ่มส่วนตัวดิฉันเอง ดิฉันก็ไม่ทราบหรอกว่าทำไมเกดถึงมาตีสนิทพาเข้ากลุ่ม อาจจะเพราะดิฉันเป็นคนนิ่งๆ หน้าตาเข้าขั้นก็เป็นได้ละมั้ง…..แต่อยู่มาไม่นาน สันดานเสียๆของเกดเริ่มโผล่ อารมณ์ชอบเอาเพื่อนไปนินทา จนทำให้มุกกับตะนอย ไฮโซประจำกลุ่มนางไม่ทนกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ก็หันไปเข้ากับอีกกลุ่มแทน จึงเหลือแค่ดิฉัน เกด จำปี จำปา 4คนเพราะต้องทำงานร่วมกัน และดิฉันใส่ใจในการช่วยทำงาน ทำให้ดิฉัน สนิทกับจำปีและจำปาไปโดยปริยายโดยที่เกดเธอก็ยังลิงโลด เพราะเวลาเจอกันที่มหาลัย พวกเราจะปล่อยให้เกดทำตัวเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้ากลุ่มเกดชอบจิกหัวใช้เพื่อน จนจำปีกับจำปาเคยแอบนินทากับดิฉันถึงเกดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่เคยเจอมา…..แต่เพราะจำปีและจำปา เป็นเด็ก ตจว. จึงไม่อยากมีปัญหากับเกด ที่เป็นเด็กเจ้าถิ่น เลยปล่อยให้เกดได้ใจไปแบบนั้นเกดมีแฟนและเพื่อนผู้ชายหลายคน พวกเราเคยหลงเข้าไปในกลุ่มเพื่อนของแฟนเกด รู้สึกไม่ชอบใจเลยเพราะพวกนั้นชอบสุมหัวต้มน้ำกระท่อมกินกันดึกๆดื่นๆ เกดเองก็นั่งกินด้วย แถมชวนพวกเรากินทั้งๆที่พวกเราเอางานไปให้เกดช่วยทำถึงห้อง ดิฉันก็แปลกใจค่ะ ว่าทำไมพวกวัยรุ่นรู้แหล่งขายใบกระท่อมในเทศบาลนครสงขลา แต่ตำรวจดันไม่รู้ หากจะมีตำรวจสงขลาผ่านมาอ่าน ก็อยากฝากให้คอยไปสังเกตบ้านหลังนึง ในซอยอารีย์อพาทเมนต์ เลย4แยกทางเข้าเก้าเส้งดู จะมีบ้านหลังนึงในซอยนั้น ผูกสุนัขขนฟูสีขาวไว้หน้าบ้านตลอด24ชม. เพื่อคอยเห่าคน คุณเลี้ยวเข้าไปก็เห็นแล้ว ลองพากันไปตรวจค้นดูหน่อยเป็นไร ขายกันทุกคืน (ที่รู้เพราะพวกเพื่อนแฟนเกดบอกกล่าวกัน)……..พอเจอแบบนั้น พวกเรา3คน ก็ไม่ไปแล้ว ห้องเช่าของเกดกับแฟน เพราะกลัวสายตาเพื่อนๆของแฟนเกด และการพูดจาแทะโลมพวกเรา เราเลยพากันไปสุมหัวที่ห้องของดิฉันแทน เพราะดิฉันเช่าห้องอยู่คนเดียว ทีนี้เกดก็จะมาช่วยทำบ้างนานๆครั้ง แต่เวลาเกดมา ก็จะมาแบบนั่งโม้นอนโม้นินทาคนอื่นเหยียบหัวคนที่ด้อยกว่าเสียมากกว่า เราก็รับฟังแต่ก็อืมๆไปแบบนั้นเสียมากกว่า ณ เวลานั้นพวกเราอยากจะเทเกดออกจากกลุ่มมากๆ แต่ก็ทำไม่ลง เลยอยู่แบบนั้นเรื่อยมาจนขึ้นปี2…..เมื่อมีการตัดเกรด ตอนปี1 เกดผ่านมาได้แบบเฉียดโดนรีไทร์ พออยู่ปี2 ดูเกดจะเริ่มสำนึก ว่าควรขยันกว่านี้ เกดก็เริ่มทำตัวดี ช่วยงานมากขึ้น แต่ยังชอบนินทาเหยียบคนด้อยกว่าเหมือนเดิม จนมาเกิดเหตุการณ์เพื่อนของแฟนเกดพยายามจะข่มขืนเกด ตอนที่แฟนเกดเมาหลับตอนตั้งวงเหล้า ก็เป็นพวกเพื่อนที่มากินน้ำต้มกระท่อมด้วยกันนั้นแหละ เกดนอนหลับบนเตียง ส่วนแฟนและเพื่อนๆพากันเมาเหล้า นอนพื้น แต่เพื่อนคนนึงตื่นมาเห็นขาอ่อนของเกดเลยพยายามจะล่วงละเมิดเพราะเห็นคนอื่นๆเมาสลบหมด เกดตื่นมาเจอเลยโวยวายจนเป็นเรื่องราวเกือบฆ่ากันตาย……พอเกิดเหตุนั้นขึ้น ทุกครั้งที่แฟนของเกดจะตั้งวงมั่วสุม ก็จะพาเกดมาส่งที่หอพักของดิฉัน ให้เกดมานอนกับดิฉันเพื่อป้องกันปัญหานั้นอีก ซึ่งดิฉันก็ต้อนรับ จนวันนึงเกดพาเพื่อนคนนึงมาเข้ากลุ่ม เธอชื่อก้อย ก้อยเป็นคนสงขลา แต่ก็จัดเป็นคนต่างพื้นที่เหมือนดิฉัน เพราะก้อยเป็นคนระโนด อำเภอสุดขอบชายแดนด้านบนติดนครศรีเลย…..ก้อยเป็นผู้หญิง ที่ซื่อๆ รูปร่างผอม สูง160กว่าๆ ที่เกดเอาก้อยมาเข้ากลุ่ม เพราะเห็นว่าก้อยไม่มีเพื่อน คือที่ผ่านปี1มาได้ เพราะก้อยย้ายไปกลุ่มนั้นทีกลุ่มนี้ที แต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับใครเป็นพิเศษ เพราะก้อยเป็นคนจนและหน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่น และก้อยเป็นคนที่หัวอ่อน พอเจอเกด เกดชักนำมาเข้ากลุ่มเรา ก้อยก็ดูจะยินดีพอก้อยเข้ามาในกลุ่ม เธอก็กลายเป็นเบ๊ของเกดในกลุ่ม ไม่ว่าเกดจะสั่งอะไรบอกอะไร ก้อยก็จะทำให้ แม้แต่ไปซื้อผ้าอนามัย เพราะเกดซื้อใจก้อยด้วยการไปรับไปส่งก้อยทุกครั้งที่ไปเรียน…..ก้อย เช่าหอพักถูกๆอยู่แถววชิรา จริงๆก้อยมีแฟนแล้ว แต่แฟนก้อยจะทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆครั้งจะมาหาก้อยสักครั้ง ทำให้ช่วงนั้นก้อยถูกเกดชักนำพาไปไหนด้วยตลอด เพราะเกดมีรถ แต่ก้อยไม่มีรถ เธออาศัยนั่งรถสองแถวไปเรียนมาตลอด พอเจอเกดมาทำดีแบบนั้น ก้อยก็ยอมก้มหัวให้เกดมาตลอด ……พอก้อยมารู้จักกับดิฉัน และจำปี จำปา ก้อยก็ดูจะนิยมชมชอบพวกเรา3คนไปด้วย เพราะพวกเราปฏิบัติกับก้อยเหมือนเพื่อนที่เท่าเทียมคนนึง ไม่เคยทำกับก้อยเหมือนเบ๊ แต่ก้อยก็ยังยอมก้มหัวให้เกดเหมือนเดิม ก้อยบอกว่า เกด มีบุญคุณกับเธอ เพราะทำให้เธอได้มีเพื่อน มีสังคมเหมือนคนอื่น เพราะแฟนเกดมีตัง เวลาไปกินอะไรกันกับกลุ่มเพื่อนเกดก็จะพาก้อยไปด้วย ……แต่เพราะความใกล้ชิดที่มีมากเกินไปกับแฟนของเกด เริ่มทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจระหว่างเกดกับก้อยจนวันนึง เกดมาคุยกับพวกดิฉัน โดยบอกว่าขอให้เทก้อยทิ้งจากกลุ่ม พวกเราก็สงสัยว่า ก้อยมันไปทำอะไรให้เกด เธอถึงคิดจะเททิ้ง เกดบอกว่า เธอไม่ชอบใจ เธอคิดว่าก้อย แอบคิดไม่ซื่อกับแฟนของเธอ เกดเล่าว่าเกดไปรับก้อยที่ห้องพักเหมือนปกติ แต่วันนั้นแฟนเธอจะใช้รถ แฟนเกดเลยขับรถไปรับก้อย ก้อยก็ซ้อนท้ายโดยมีเกดนั่งกลาง เพราะความที่ก้อยใส่กระโปรงยาว เลยต้องนั่งแบบไพล่ข้าง …..เกดบอกว่า แทนที่ก้อย จะจับเอวเธอ ที่นั่งอยู่ตรงกลาง แต่ก้อยดันไปจับที่เอวของแฟนเธอและเกดก็ไม่ชอบใจ ที่แฟนเธอคุยดีกับก้อย และเพื่อนๆชายของแฟนเธอก็ดูจะชมชอบก้อยอยู่เช่นกัน(ดิฉันคิดในใจ ก็แน่ล่ะ ก้อยเป็นผู้หญิงซื่อๆนิสัยดี พูดจาเรียบร้อยหน้าตาก็พอควง ใครจะไม่ชอบ)เกดเลยคิดจะตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการเทก้อยออกไปจากกลุ่ม……เราก็บอกจะเทไอ่ก้อยทิ้งได้ไง เพราะตอนนั้น เราใส่ชื่อก้อยในกลุ่มทำงานทุกงาน ซึ่งก้อยก็ช่วยทำตลอดแต่เกด ก็ขอให้พวกเรา เอาชื่อก้อยออก ไม่ต้องใส่ชื่อให้ในปกงาน ทั้งจำปีและจำปา ผู้ไม่ชอบการมีปัญหา ก็เอาแต่มองหน้ากัน และมองหน้าดิฉัน ดิฉันเห็นว่าเรื่องนี้ดิฉันไม่เห็นด้วย เพราะมันจะโหดร้ายเกินไปไม๊ ที่จะเทเพื่อนทิ้งรวมทั้งเทชื่อออกจากปกงานที่ทำไปแล้วแบบนี้ ถ้าทำแบบนั้นเท่ากับฆ่าไอ่ก้อยทิ้งเลยนะ มันจะเรียนจบได้ยังไงดิฉันก็บอกเกดไปแบบนั้น เกดดูจะหงุดหงิด ที่ดิฉันไม่เอาด้วย แต่ก็ทำอะไรดิฉันไม่ได้ เพราะเอาจริงๆดิฉันคือหัวหน้างานไม่ใช่เกด……เกด เลยหันไปเทก้อยเป็นการส่วนตัว ด้วยการไม่ไปรับไปส่งก้อย บางครั้งก็แกล้งก้อยว่าจะไปรับ แล้วก็ไม่ไปรับ ก้อยก็โทรหาดิฉันเพราะใกล้จะเข้าเรียนแล้ว แต่เกดยังไม่โผล่ไปรับ (ตอนนั้นพวกเรารวมทั้งเกดอยู่มหาลัยแล้ว)ดิฉันพอรู้ก็เริ่มไม่ชอบใจที่เกดไปทำแบบนั้น เลยเข้าไปต่อว่าเกด ว่าทำไมต้องไปแกล้งมันแบบนี้ ดิฉันกับเกดเริ่มไม่ชอบใจกัน เพราะเรื่องที่เกดไปแกล้งก้อย …..ดิฉันจึงดัดนิสัยเกด ด้วยการไปรับไปส่งก้อยเสียเอง และเล่าเรื่องที่เกดตั้งใจทำกับก้อย ให้ก้อยฟัง ก้อยพอรู้ก็นั่งร้องไห้ ระบายความในใจเกี่ยวกับเกดออกมาให้ดิฉัน และจำปี จำปาฟังหมด ก้อยบอกเธอไม่เคยคิดที่จะไปตีท้ายครัวเกดใดๆทั้งสิ้น และไม่เคยคิดร้ายแบบนั้นกับเกด มีแต่ความรักเพื่อน และยอมให้เกดเหยียบหัวใช้มาตลอด ซึ่งก้อยก็รู้ตัวว่ากำลังโดนเกดเหยียบหัวใช้ แต่ก็ยอม เธอก็เสียใจมากที่เกดมาคิดกับเธอและทำกับเธอแบบนี้…..ความสัมพันธ์ของพวกเรากับเกดเริ่มไม่สู้ดีนัก เพราะแทนที่พวกเราจะช่วยกันเทก้อยทิ้ง กลับกลายเป็นว่าพวกเราเห็นใจก้อยแทน และคอยปกป้องก้อย ก้อยเริ่มมีปากมีเสียงและปฏิเสธเกดมากขึ้นในสิ่งที่เธอเห็นว่าเธอไม่ควรทำจนหลังๆมาเกดเริ่มมาเรียนบ้างไม่มาเรียนบ้าง พวกเรารู้แล้วว่า มันคือสัญญาณของคนที่จะไม่เอาการเรียนแล้วแหละพอเกดมาเรียนทีนึง ก็จะมาพูดจิกเหน็บแนมใส่ก้อย พอก้อยเริ่มเถียง เกดก็บอก “เออนะ เดี๋ยวนี้เริ่มทำหรอยแล้วและนะ มีคนคอยช่วยแล้วหนิ อย่าหรอยแรงนะอิก้อย กุอิตบเอาไม่ใช่ไซ”…..จนคืนนึง ก้อยก็โทรมาหาดิฉันกลางดึก พร้อมเสียงสะอื้นร้องไห้….“ฮือ ฮืออออ…หยก มารับกุที”“ไซ ก้อย พันพรือ เป็นไหรอ่ะ ร้องไซ”“อิเกด พาน้องมารุมตบกุแรกเดี๋ยวใจ มันพึ่งหลบกันไปนิ”“เออๆ ตอเดี๋ยวกุไปรับนะ “…..ดิฉันเลยรีบขับรถไปที่ห้องเช่าของก้อย พอไปถึงห้องเห็นไฟปิดสนิท ห้องเช่าของก้อยเป็นห้องแถวราคาถูกดูโทรมๆ ไม่มีหน้าต่าง ดิฉันก็เคาะประตูห้องปึงๆๆ ………”ก้อย นี้หยกนะ เปิดตูที”…..ก้อยเปิดประตู ห้องเธอมืดมาก…“ไหน ไซนิก้อย ไม่เปิดไฟ”“อย่าเปิดต่ะ กุอาย”….ดิฉันไม่สนใจเลยเปิดไฟ พอไฟสว่าง ดิฉันอึ้งไปเลย เพราะข้าวของในห้องของก้อย กระจุยกระจายเต็มไปหมดจนดูน่ารันทดใจ สมุดกระดาษ หนังสือเรียนโดนฉีกทึ้ง หน้าของก้อยเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ที่พึ่งแห้ง แต่นัยน์ตายังแดงเส้นผมของก้อยก็กระเซิง ดิฉันสวมกอดก้อย ปลอบใจและขอให้เธอเล่าเรื่องให้ฟัง…..ก้อยก็เล่าว่า เกดมาเคาะประตูห้อง ตอนแรกก้อยไม่ยอมเปิด แต่เกดบอกเธอมาคนเดียว อยากมาคุยปรับความเข้าใจกับก้อย น้ำเสียงของเกดดูจริงจังมาก ก้อยเลยยอมเปิด แต่พอเปิดประตู ก็เจอเกดเอาน้องสาวมาด้วยน้องสาวของเกด รูปร่างอ้วนใหญ่ ก็พากันดันตัวก้อยเข้าห้อง แล้วลงกลอนเกดใช้ให้น้องสาวช่วยจับตัวก้อย ก้อยตัวเล็กกว่า สู้แรงไม่ได้ เลยโดนเกดจิกหัวตบหน้า พร้อมกับสั่งสอนว่า “มึงอย่ามาทำหรอยบ้านกุ จำไว้อิก้อย กุพามืงเข้ากลุ่ม ไม่ใช่ให้มืงมาหรอยกับกุ ไม่สำนึกบุญคุณกุเลย”….ทีนี้เกดก็ใช้ให้น้องสาวช่วยตบก้อย แล้วเกดก็ไปกระจุยข้าวของในห้องของก้อย จนเป็นแบบที่เห็น แล้วก่อนจะกลับเกดก็ยังขู่เอาไว้ว่า ถ้าก้อยยังเถียงเกด เวลาอยู่ต่อหน้าพวกดิฉัน เกดจะพาน้องมาตบก้อยอีก…..ดิฉันโกรธเกดขึ้นมาทันที ดิฉันไม่เคยตบตีกับใครมาก่อน แต่เกิดความรู้สึกอยากจะตบเกดล้างแค้นให้ก้อยดิฉันจะพาก้อยไปแจ้งความ แต่ก้อยบอก อย่าไปแจ้งเลย เพราะเกดขู่เอาไว้ว่า ถ้าก้อยไปแจ้งความ นอกจากเกดจะตามตบก้อยแล้ว ยังจะให้พวกเพื่อนๆของแฟนเกดที่เป็นขี้ยาพากันมารุมโทรมก้อย ก้อยกลัวเพราะอยู่คนเดียวดิฉันเลยให้ก้อย เก็บข้าวของที่พอเก็บได้ ไปอยู่ที่หอดิฉันชั่วคราว……ดิฉันเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับกลุ่มเพื่อนเก่า ที่มาจากจังหวัดเดียวกัน พวกเพื่อนๆชายดิฉันก็จิตใจดีบอกว่าหากพวกผู้ชายของเกดมาทำร้ายพวกดิฉันขอให้โทรหาทันที แล้วได้พบกันความสัมพันธ์ของพวกดิฉันกับเกด เลยจบสิ้นแค่ตรงนั้น พอเกดรู้ว่าดิฉันรับก้อยมาอยู่ด้วยที่หอก็โทรมาด่าดิฉัน อาฆาตจะตบดิฉันอีกคน ดิฉันก็ไม่กลัว ท้าเกดกลับไปว่า “มืงกับกุตัวๆเอาม้าย มืงอ่ะนะเหยียบเพื่อนทำหรอย ว่าตัวเองมีพวกช่วย กะเบอะตัวๆกับกุนิกล้าม้ายละอิเกด”…..ดิฉันกล้าท้าตบกับเกด เพราะรู้ดีว่า เกด จะไม่ห้าวเลยถ้าไม่มีพวกช่วย ดิฉันก็ขู่เกดกลับไปว่า…“เอาต่ะ มืงคิดว่ามืงมีพวกแค่คนเดียวเหอ เพื่อนกุกะลุย มืงทำกุมืงก็ได้พบพวกกุเหมือนกัน แต่ถ้ามืงคิดว่าตัวมืงหรอยมาตัวๆกับกุนิ อิได้จบ ไม่งั้นมืงก็อย่ามายุ่งกับไอ่ก้อยอีก สิ้นเวรกรรมกันไปต่ะ”…..เพราะความที่ดิฉันเป็นคนไม่ค่อยพูด พอพูดท้าออกไป เกด ก็รู้ว่าดิฉันเอาจริง พอสิ้นงานกลุ่มชิ้นสุดท้ายที่ดิฉันใส่ชื่อของเกดไว้ในกลุ่มด้วยแล้ว เกดก็เนรเทศตัวเอง ไปตีซี้เข้ากับอีกกลุ่มซึ่งคงจะเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วที่จะรับเกดเข้ากลุ่มเหตุที่รับ ก็เพราะเกดเป็นคนหน้าใหญ่ ชอบออกตัวออกตังให้กลุ่ม…..กลุ่มของดิฉัน ดิฉันจึงขึ้นมาเป็นเปรียบเสมือนหัวหน้ากลุ่มแบบเต็มตัว และมีกันแค่4คน คือดิฉัน จำปี จำปาและก้อย เพราะพวกเราอยู่กันแบบเพื่อนที่เท่าเทียมกัน เลยสนิทกันมากขึ้น เรื่องของเกดเริ่มหายไปจากชีวิตพวกเราแต่แล้ว….วันนึง ก้อย มาบอกพวกเราว่าเธอท้อง พวกเราก็พลอยตกใจไปด้วยเพราะยังเรียนอยู่ ก้อยทุกข์ใจมากก้อยบอก ก้อยท้องกับแฟน ที่นานๆจะมาหาสักครั้งนั่นแหละ พวกเราเป็นห่วงก้อยก้อยบอกว่า จะให้ที่บ้านรู้ไม่ได้ เพราะที่บ้านหวังให้เธอเรียนจบ เป็นหน้าเป็นตาของบ้าน เพราะบ้านเธอลำบาก….ดิฉันเลยบอกให้ก้อยบอกแฟน ก้อยก็ทำตาม แต่พอแฟนก้อยรู้ ก็บอกว่ายังไม่พร้อมมีลูก ยังไม่มีหลักมีฐานเลยจะเอาปัญญาไหนมาเลี้ยง แฟนก้อย ขอให้ก้อยไปเอาเด็กออก ก้อยมาปรึกษาพวกเราเรื่องเอาเด็กออก ดิฉันค้านหัวชนฝา เพราะรู้ถึงสิ่งที่จะตามมา มันจะกลายเป็นโรคกรรมไม่รู้จบ ทำแท้งก็เท่ากับฆ่าคน คนนึงดิฉันกล่อมก้อยว่าอย่าไปทำ ดิฉันพยายามไปพูดคุยกับแฟนของก้อย พร้อมกับบอกผลเสียที่จะตามมาต่างๆนาๆแต่แฟนก้อย ก็ตอบกลับมาว่า“เขายังไม่มีปัญญาจะเลี้ยงลูกตอนนี้ หรือดิฉันจะเอาไปเลี้ยงแทนไม๊ อย่ามายุ่งเลยชีวิตของเขากับก้อย มันเรื่องระหว่างเขากับเมีย”…..ดิฉันเองก็หน้าชาเหมือนโดนตบหน้า ก็เลย อ่ะ งั้นแล้วแต่มืงแล้วกันจะเอาไง แล้วแฟนของก้อยก็ส่งเงินมาให้ก้อย3000 เพื่อเอาไปทำแท้ง แต่มันต้องใช้เงิน 5000 ก้อยไม่มีจะขอยืมดิฉัน2000 ดิฉันเลยบอกถ้าจะเอาไปทำแท้งอย่ามายืมกุ กุไม่ให้มืงยืมหรอกนะ…..ก้อยก็บอกเข้าใจ ไม่ว่ากัน แต่ก้อยก็ไปเอาเด็กออกที่ร้านทำแท้งเถื่อนในหาดใหญ่ ดิฉันไม่ทราบหรอกว่า อยู่แถวไหนก้อยหายไปหลายวัน ดิฉันโทรหาไม่ติด ไปตามที่ห้องก็ไม่อยู่ ถามคนแถวนั้นเขาก็บอก ก้อยไม่กลับมาห้องหลายวันแล้วดิฉัน จำปี จำปา ร้อนใจมาก พยายามโทรหาก้อยตลอด แต่เธอปิดโทรศัพท์…..ผ่านไป1สัปดาห์ ก้อยกลับมาเรียน ในสภาพอิดโรย ขอบตาคล้ำ ร่างกายซูบเซียว สีหน้าไม่สู้ดีเลย พอเราเจอก้อยก็เข้าไปซักถามก้อยทันที ก้อยบอกก้อยไปทำแท้งมาแล้ว ก้อยไม่รู้จะไปยืมเงินใครไปทำแท้งอีก2000 เลยบากหน้าไปขอยืมเกด และเกดก็เป็นคนพาก้อยไปถึงแหล่งทำแท้งหาดใหญ่ พอทำแท้งกลับมา เกดก็ให้ก้อยไปอยู่กับเกด เพื่อพักฟื้นเกดขอให้ก้อยอภัยเรื่องที่เธอเคยทำกับก้อย ก้อยเป็นคนหัวอ่อน พอเจอเกดทำดีเข้าใส่ ก้อยก็ตามเกดเหมือนเก่า…..พวกเราก็ไม่ว่าก้อย เพราะเกดคงเป็นที่พึ่งของก้อยได้จริงๆเกี่ยวกับสถานการณ์บาปกรรมแบบนี้ เพราะถ้าจะให้ดิฉันพาก้อยไปหาแหล่งทำแท้ง ดิฉันก็ไม่รู้จะไปตรงไหน ก้อยกลับไปติดตามเกดอยู่ต้อยๆ ในสภาพซูบโทรมแบบนั้นหน้าตาของก้อย เหมือนคนป่วยหนักตลอดเวลา ขอบตาคล้ำ ความสวยสดหายไปหมดเลยและต้องคอยตามรับใช้เกดในกลุ่มใหม่เหมือนขี้ข้าเช่นเดิม….วันนึง ขณะที่พวกเรา3คน กำลังสุมหัวกันทำงานอยู่ในห้องของดิฉันที่หอพัก พวกเรากำลังเม้ามอยหนุ่มๆที่มาจีบดิฉันกันอย่างสนุกเฮฮา จู่ๆเสียงประตูห้องดิฉันก็ดัง “ก๊อกๆ ก๊อกๆ” “ใครคะ”ดิฉันตะโกนถามออกไป “เราก้อยเอง หยก”ดิฉันแปลกใจ เลยรีบเปิดประตู ก้อยยืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง หน้าตาเธออิดโรยเช่นเดิม“ฮือออออออออ หยก กุไม่เหลือใครแล้ว”“อะไรของมืงก้อย มืงเป็นไหร ใครทำไหรมืง”“อิเกดมันประจานกุให้กลุ่มเพื่อนใหม่มันฟัง ว่ากุยืมตังมันไปทำแท้ง มันเอากุไปว่าเสียๆหายๆคนรู้ทั้งห้องแล้ว”“อิเกดเปรด YES แหม่มเอ๊ย” ดิฉันสบถคำด่าเป็นภาษาท้องถิ่น….ดิฉันพาก้อย เข้ามานั่งในห้อง ก้อยผอมและซูบไปมาก อันเป็นผลจากการทำแท้ง ก้อยบอกเธอกินไม่ได้ นอนไม่ค่อยหลับ เพราะรู้สึกกังวล ก้อยบอกว่า เธอรู้เรื่องที่เกดเอาเธอไปพูดประจานในกลุ่มเพื่อนใหม่เป็นที่สนุกปาก จากเพื่อนในห้องคนนึง ที่รู้มาอีกที พวกเขาบอกก้อยว่า เกด นินทาบอกว่าก้อยเป็นกะXรี่ ขาย HEE จนท้องแล้วไม่มีปัญญาหาตังไปทำแท้ง ต้องไปยืมเกด….พอเธอรู้ เธอก็ไปรบกับเกด เกดก็ตอกหน้าก้อยว่า เกดพูดจริง เพราะก้อยยืมจริง ทำแท้งจริง หรือจะเถียงพอก้อยบอกเรื่องที่เกดว่าก้อยขายHEE จนพลาดท้อง ทำไมไปบอกคนอื่นแบบนั้น เกดก็ตีหน้ามึนบอกไหนหลักฐานว่าเกดพูด ก้อยก็เลยยืนด่าเกดที่หน้าห้อง จนคนออกมาดูเต็มไปหมด เกดจะตบก้อย ก้อยบอกเธอก็เตรียมจะตบสู้แต่แฟนเกด มาดึงเกดเข้าห้องไป ก้อยขอให้เพื่อนของแฟนเกดอีกคนให้มาส่งที่หอดิฉัน เพราะไม่รู้จะไปไหน…..ดิฉันถามไปถึงแฟนของก้อย ว่าเขาได้มาดูก้อยบ้างเปล่า ก้อยก็เอาแต่ร้องไห้ บ่นว่าเธอมีแฟนก็เหมือนไม่มีแล้วทุกวันนี้ ก้อยนั่งอยู่ที่ห้องดิฉันสักพัก ก็ขอให้ดิฉันไปส่งก้อยที่ห้องเช่า ดิฉันขอให้ก้อยนอนด้วยกันที่ห้อง แต่ก้อยบอกก้อยคิดถึงห้อง อยากกลับห้อง ห้องที่แฟนเธอเคยมาอยู่ด้วย ดิฉันไปส่งก้อย ก่อนจะลากลับเพราะดึกมากเสียงก้อยพึมพำบอกว่า “กุจะเอาคืนมืงอิเกด คอยแล…มืงทำกุ ”………เป็นประโยคที่ดิฉันได้ยินแว่วมา หลังจากก้อยปิดประตูห้อง และก็เป็นประโยคสุดท้ายที่ดิฉันได้ยินจากเพื่อนที่ชื่อก้อยเพราะวันรุ่งขึ้น ก้อยโทรบอกดิฉันว่าจะกลับไปบ้านที่ระโนด คงจะได้เจอกันอีกนะ ดิฉันก็คิดว่าเป็นการลากลับบ้านธรรมดาของก้อย………………….แต่ก้อยหายไปหลายวันมาก จน…..มีเพื่อนคนนึง ที่เป็นคนบ้านเดียวกับก้อย ได้มาแจ้งข่าวทุกคนในห้องว่า… “เพื่อนก้อย เสียแล้วนะ”…….เพื่อนเล่าว่า ก้อยกลับไปบ้าน และผูกคอตายกับต้นมะขามริมรั้วบ้าน ร่างห้อยโตงเตง…พ่อไปเจอศพก็ใกล้ค่ำแล้วทุกคนที่บ้านสันนิษฐานว่า ก้อยมีปัญหากับแฟน โดนแฟนบอกเลิก ก้อยเลยคิดสั้นฆ่าตัวตายดิฉันตกใจ จนร้องไห้ มันมึนและสับสนไปหมดพวกดิฉันรู้ดีว่า มันไม่ใช่แค่ปัญหากับแฟนหรอก ปัญหากับใครบางคนแถวนี้ด้วยแหละคนนึง ที่มันนั่งอึ้งฟังอยู่ด้วยดิฉันเลยยืนขึ้นพูดลอยลมว่า ก่อนที่ก้อยจะกลับบ้าน ดิฉันไปส่งก้อยที่ห้อง ก่อนดิฉันกลับ ดิฉันได้ยินก้อยพึมพำว่า “กุจะเอาคืน ที่มืงทำกุคอยแล” ดิฉันจึงถามเพื่อน ที่เป็นคนบ้านเดียวกับก้อย ว่ารู้จักบ้านก้อยไม๊ เขาก็ตอบว่า เขาไม่รู้จักบ้านของก้อยว่าอยู่ตรงไหนรู้แค่ว่าเป็นคนบ้านอะไร เพราะเคยเห็นหน้ากันมาก่อน แต่ไม่ได้สนิทอะไรมากมาย ก็แบบรู้จักแต่ผิวเผิน แต่เขารู้ว่าศพของก้อย พ่อแม่เอาไปตั้งที่วัดไหน ดิฉันจึงป่าวประกาศบอกเพื่อนๆในห้อง ว่าจะซื้อพวงหรีดไปวางงานศพก้อย โดยจะฝากเพื่อนชายที่เป็นคนบ้านเดียวกับก้อยไป ในนามของเพื่อนร่วมห้อง จึงขอรวบรวมเงินจากเพื่อนๆตามแต่กำลังของแต่ละคน ก็ได้รับความร่วมมือจากทุกคนเป็นอย่างดี รวมทั้งเกดคู่กรณีด้วย…….ดิฉัน ไม่สามารถไปช่วยงานศพก้อยได้ เพราะติดเรียน เอาแต่ฟังเพื่อนชายคนบ้านเดียวกับก้อยมาเล่าให้ฟัง เพราะเขาขี่รถไปกลับบ้านมหาลัย และเป็นคนเอาพวกหรีดไปวาง เพื่อนบอกว่า พ่อแม่ก้อยตาแดงก่ำตลอดเวลา บ้านก้อยไม่ได้ร่ำรวยอะไร งานศพก็ไม่ได้ใหญ่โต มีแค่พวกเครือญาติ และคนในละแวกหมู่บ้าน พวงหรีดก็จะมีแค่ของพวกเรา กับของอบต. และของมหาลัย เขาบอกว่าแฟนของก้อยมาช่วยงานศพด้วยและเดินซึมตาแดงตลอดเวลาเช่นกัน…..พอตั้งสวด3วันก็เผา วันเผา ดิฉัน จำปี และจำปา ก็ขอให้เพื่อนชายคนนั้น พาพวกเราไปที่วัด พวกเราเอาเงินไปร่วมทำบุญ แสดงตนว่าเป็นเพื่อนของก้อยที่มหาลัย เลยได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่ก้อยค่อนข้างดี โดยที่ดิฉันก็ชวนเกดให้ไปด้วยกัน แต่เกดบอก ไม่ว่าง (ใจจริงๆคงกลัวมากกว่า) พอดิฉันปะหน้าตัวเป็นๆของแฟนก้อย ดิฉันก็เข้าไปทัก ถามว่านี่แฟนก้อยช่ายหม้ายคะ (ขออภัยที่ดิฉันเป็นคนใต้ จึงอาจมีภาษาใต้ปนไปในการเล่า)……เขาก็บอกว่าช่ายครับ ดิฉันจึงชวนเขาพูดคุยในเรื่องของก้อย และชีวิตของก้อยที่ต้องเจอตอนอยู่ที่มหาลัยเล่าทุกๆอย่างให้แฟนเขาฟัง ทุกอย่างจริงๆ แฟนเขาก็เงียบฟัง แล้วก็ร้องไห้ เขาบอกเขาเป็นแฟนที่แย่จริงๆไม่เคยไปดูแลก้อย เอาแต่ทำงาน เพราะคิดแค่ว่าวันที่ก้อยเรียนจบ เขาจะไปขอก้อยกับพ่อแม่ของก้อยเพื่อแต่งงานอยู่กินกันพอเขารู้สิ่งที่ดิฉันเล่าให้ฟัง เขาก็ร้องไห้ เพราะสงสารแฟนตัวเองที่โดนเพื่อนกระทำย่ำยีหลายอย่าง โดยที่เขาไม่เคยรู้เลย…..ดิฉันเล่าให้แฟนก้อยฟัง ว่าก้อยน่ะรักเขามาก เคยมาบ่นให้ดิฉันฟังบ่อยๆตอนเป็นๆว่า ก้อยน่ะเป็นห่วงแฟนเพราะรู้ว่าแฟนตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงิน จนไม่ค่อยจะซื้ออะไรกิน มักจะบ่นๆให้ดิฉันกับเพื่อนได้ยินเสมอว่า“มันจะกินอะไรยังวะ” อยู่แบบนี้ตลอด แต่ก็ไม่กล้าโทรไปกวน ก้อยบอกว่าเขารู้ว่าแฟนตัวเองเป็นคนขี้โมโหหากโทรไปกวนตอนกำลังทำงาน แต่ก้อยก็บ่นถึงแฟนทุกที ก้อยเป็นผู้หญิงที่ดีคนนึงนะ…อยู่ในเมืองผู้ชายมากมายหลายคนก็เคยแสดงตนว่าสนใจก้อย แต่ก้อยไม่เคยวอกแวกนอกทางเลย ไม่รู้ทำไมมันถึงกลับบ้านมาผูกคอแบบนี้…..แฟนก้อย ก็นั่งซึม น้ำตาไหลตลอด แล้วเขาก็เล่าให้ดิฉันฟังว่า ก่อนก้อยจะผูกคอตาย ก้อยโทรหาเขาตอนนั้นเขาทำงานอยู่ที่ อ.หัวไทร ก้อยบอกเขาว่า ก้อยกลับมาบ้าน อยากเจอเขาให้มาหาได้ไหมแต่ตอนนั้นเขายังติดงานอยู่ เพราะนายจ้างเร่งงาน เขาก็เลยบ่ายเบี่ยงบอกไว้คราวหน้านะ ตอนนี้กลับไปหาไม่ได้แล้วก้อยก็เริ่มบ่นพึมพำใส่เขาในเชิงน้อยใจว่า ยังเป็นแฟนกันอยู่ม้าย เคยรักเคยคิดถึง เคยห่วงกุมั่งม้าย…..แฟนก้อยบอก พอก้อยมาแนวนั้น เขาก็หงุดหงิด เลยขึ้นเสียงด่าก้อย ว่า…..“เป็นไหรนักหนาของมืงนิก้อย กุทำงานมืงเข้าใจมั่งหม้ายล่ะ ฟังกุมั่งลองแล บอกว่าหลบไม่ได้กะหลบไม่ได้และอ่อ”….ก้อยก็ตอบกลับมาว่า…. “มืงต้องให้กุตายก่อนเออ ถึงอิหลบมาหาได้ เอาพันนั้นม้ายบ่าว” “เอาต่ะ มืงอยากตายก็ตายเลยนิก้อย แหลงไม่รู้ฟัง แข๊ปๆตายนะ กุได้ไปเผา กุเบื่อมืงจังแล้วนิ”
ศัตรู มิตรภาพ อาฆาต ความตาย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง