
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ในเขตชานเมืองของหมู่บ้าน ได้มีการสร้างทางลาดยางระหว่างตัวหมู่บ้านยาวไปจนถึงใจกลางเมือง โดยวางเส้นถนนยาวไปจนสุดทางเลย เพื่อง่ายต่อการจราจรและสัญจรไปมาของรถ กลางวันถนนเส้นนี้เป็นที่ออกกำลังกายของนักวิ่งและนักปั่นจักรยานทั้งหลาย อีกทั้งยังเป็นสถานทีพักผ่อนใจของผู้สัญจรไปมาตามศาลาต่างๆอีกด้วย แต่เมื่อตกดึก ถนนเส้นทางนี้กลับกลายเป็นสนามแข่งรถสำหรับเด็กวัยรุ่นหรือที่เรียกว่ากัน เด็กแว้น นั้นเอง คืนแล้วคืนเล่าเด็กแว้นได้มาแข่งรถบนถนนเส้นนี้ จนไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็ได้สร้างความรำคาญแก่ชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก จนในที่สุดตาสมหมาย(นามสมมุติ) ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา พ่อแม่ลูก ในละแวกนั้นได้ออกมาห้ามปรามเด็กแว้นเหล่านั้น แต่ด้วยความที่ตาสมหมายอายุมากแล้ว และตาสมหมายมาเพียงตัวคนเดียว ทำให้เด้กๆเหล่านั้นกลับไปแกร่งกลัวเขาเลยสักนิด…
จนกระทั้งเรื่องที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อคืนหนึ่งเด็กแว้นได้นัดกันมาแข่งรถบนถนนเส้นเดิม พร้อมกับพรรคพวกที่มาจากหมู่บ้านข้างๆ ทำให้คืนนั้นจำนวนเด็กแว้นทีมารวมตัวกันได้เพิ่มเป็นจำนวนมาก เสียงเพลง เสียงเครื่องยนต์ และควันจากล้อรถได้ฟุ้งเต็มท้องถนนในคืนนั้น
ตาสมหมาย กำลังจะเข้านอนกับภรรยาและลูกชายวัย 7 ปีของเขา จนกระทั้งเสียงบิดเครื่องยนต์ของเด็กแว้นได้ดังขึ้นมาผ่านหน้าบ้านของเขา ตาสมหมายเริ่มไม่พอใจกับเสียงที่ได้ยิน แต่ภรรยาของเขาได้ห้ามไว้ เขาจึงไม่ถือสาอะไร จนกระทั้งคันแล้วคันเล่าขับผ่านไป เสียงท่อรถดังขึ้นมาเรื่อยๆ เขาแทบจะข่มตานอนไม่ได้เลย ด้วยความโมโห ตาสมหมายได้ลุกออกจากบ้านพร้อมกับไม้หน้าสามในมือ ภรรยาของเขาพยายามห้ามตาสมหมายแล้ว แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ฟังและโมโหโกรธอย่างมาก เขาตรงเข้าไปหาเด็กแว้นเหล่านั้น หวังจะไล่ให้ไปไกลๆจากบ้านของเขา แต่ทันใดนั้น กลุ่มเด็กแว้นอีกกลุ่มที่กำลังแข่งรถอยู่ได้ขับดรถจักรยานยนต์มาด้วยความเร็วสูง ทามกลางหมอกควันจากท่อรถ ทำให้เด้กแว้นเหล่านั้นมองไม่เห็นตาสมหมายที่ยืนอยู่กลางถนน รถจักรยานยนต์ได้พุ้งชนร่างของตาสมหมายกระเด็นไปอีกฝั่ง อีกทั้งรถที่ขับตามมาข้างหลังก็ได้ทับร่างของตาสมหมายอย่างรุนแรง ทำให้ตาสมหมายเสียชีวิตในทันที เมื่อหมอกควันเริ่มจางลงเหล่าเด็กแว้นต่างตกใจกันอย่างมาก พวกเขาเห็นร่างที่เละจากการโดนรถทับนอนจมก้องเลือดอยู่ข้างถนน ทุกคนต่างพยายามขับรถหนีไปจากตรงกันอย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครกล้าแจ้งตำรวจว่ามีคนตายอยู่ข้างถนนเลย…
จนกระทั้งเช้าวันรุ้งขึ้น ได้มีชาวบ้านพบเห็นศพของตาสมมายนอนอยู่บนถนน จึงประสานเจ้าหน้าทีและได้แจ้งกับครอบครัวของเขาได้รับทราบ ภรรยาและลูกชายของเขาเสียใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากขาดเสาหลักของครอบครัวไป และได้วอนขอตำรวจสืบหาคนร้ายให้เร็วที่สุด อีกทั้งยังสาปแช่งให้คนที่ก่อเหตุได้ตายอย่างทรมาน จนในที่สุดคำสาปแช่งนั้นกลับกลายเป็นจริง…
ไม่กี่วันต่อมา กลุ่มเด็กแว้นที่ก่อเหตุได้ขับรถผ่านมาบริเวณถนนเส้นนั้นอีกครั้ง เพื่อมาดูลาดเลาหวังจะกลับมาแข่งรถตามเคย ในระหว่างขับรถผ่านพวกเขาได้เห็นร่างผู้ชายสูงวัยยืนอยู่กลางศาลาริมทาง ด้วยความที่ไม่ได้เอะใจอะไร เด็กๆเหล่านั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่เมื่อขับไปถึงอีกศาลาหนึ่งพบว่า ร่างผู้ชายคนเดิมยืนรออยู่ที่ศาลาข้างหน้าแล้ว พวกเขาเริ่มระแวงและกล้าๆกลัว จึงตัดสินใจจอดรถตรงศาลาเพื่อไปดูให้แน่ชัด ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องได้ดังมาจากอีกฝั่ง เมื่อพวกเขาหันมองกลับไป ร่างผู้ชายสูงวัยกำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างเร็วรวด มือหนึ่งถือไม้หน้าสามส่วนอีกมือหนึ่งถือหัวของตัวเอง พร้อมกับร่างกายที่เหวอะหวะและหักเป็นส่วนๆ
กลุ่มเด็กแว้นตกใจอย่างมาก จึงรีบสตาร์ทรถและขับออกไปอย่างเร็วรวดจนไม่ทันสังเกตุว่า มีรถบรรทุกกำลังขับสวนแล่นมาอยู่ ทันใดนั้นร่างของเด็กแว้นก็ชนเข้ากับรถบรรทุกอย่างจัง ชิ้นส่วนร่างกายของพวกเขากระจัดกระจายเต็มถนน ทั้งหัว แขน และอวัยวะส่วนอื่นๆหลุดขาดออกจากกันหมด พวกเขาทั้ง 4 คนตายคาที ไม่นานตำรวจก็ได้มาถึงที่เกิดเหตุและได้รวมรวบหลักฐานและชิ้นส่วนต่างๆ แต่ไม่ว่าทางตำรวจจะพยายามรวบรวบชิ้นส่วนของศพยังไง แต่ก็ไม่พบศีรษะของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คนเลย ทำให้ทางตำรวจต้องกระจายกำลังออกค้นหาไปอีกหลายวัน จนผ่านไปหลายวันก็ไร้วี่แววของชิ้น่สวนที่หายไปดังกล่าว…
ไม่นานคดีก็ถูกปิดตัวลง และชาวบ้านในละแวกนั้นได้เล่ากันว่า มีคนพบเห็นเงาคล้ายคนบริเวณศาลาริมทางในช่วงดึกๆเป็นประจำ บางก็เห็นเพียงแค่คนเดียว บางก็เห็นเป็นกลุ่มกัน และที่หนักที่สุดคือ ได้ยินเสียงท่อรถ แต่เมื่อหันกลับไปมอง กลับกลายเป็นร่างมนุษย์ที่ไร้หัวกำลังขับรถจักรยานยนต์อยู่ ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าขับรถผ่านในเส้นทางนั้นอีกเลย นับตั้งแต่นั้นมา…