วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

เรื่องผี ขยี้ขวัญ

งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่บ้านอีกหลังที่เป็นบ้านสวนของผม ซึ่งบ้านของผมหลังนี้มันจะเป็นบ้านแนวมีส่วนในตัวเนื้อที่ก็ค่อนข้างพอสมควรและก็ไม่ค่อยมีบ้านคนมากนะ เลยเหมาะกับการเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงเป็นอย่างดี….พอได้เวลาเลิกงานยามดีพวกผมและทีมงานก็เริ่มดื่มสังสรรค์กันอย่างสนุกสนานเฮฮากันอย่างสนุกสนาน จนอยู่ดีๆผมก็ถามกับทุกคนว่า” ทุกคนเราทำงานด้วยกันมานานแล้ว ผมยังไม่เคยถามทุกคนเลยว่าเคยเจอผีกันบ้างไหม เอางี้มั้ยใครมีเรื่องผีเอามาเล่ากันเลยดีกว่าถ้าหลอนถูกใจผม เอาโบนัสไป2เดือน! ” พอผมพูดจบทุกคนก็พากันรีบแย่งกันเล่าเรื่องโดยคนที่ประเดิมเรื่องแรก เป็นคนที่กลัวผีมากที่สุดในบรรดาแอดมินคือพี่ทรอส พี่ทรอสได้เริ่มเล่าว่า ……เรื่องนี้ เป็นตอนที่พี่ทรอสไปเที่ยวหาเพื่อนอีกอำเภอหนึ่งซึ่งไปหาเพื่อนประมาณ2-3วัน โดยขับรถมอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว ตอนขาไปมันก็ไม่มีอะไร แต่ขากลับพี่ทรอสเลือกเดินทางตอนกลางคืนเวลา 22.00-23.00 เพราะตัวพี่ทรอสไม่มีใบขับขี่และจะได้ไม่ร้อนด้วย พอถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านพี่ทรอส ก็ออกเดินทางตามเวลาที่กำหนด ระหว่างที่ขับไปปรากฏว่าทางหลักที่พี่ทรอสต้องผ่าน กำลังทำการก่อสร้างทำให้ไม่สามารถผ่านไปทางนี่ได้ จำเป็นต้องใช้อีกเส้นทางซึ่งมันมืดมากๆเรียกได้ว่ามืดแทบมองไม่ดห็นเลย เพราะไม่มีไฟข้างทาง เรียก ได้ว่าเหมือนหลุดไปในยุค90s และที่เป็นซิกเนเจอร์เส้นทางนี่ คือต้องผ่าน วัดๆหนึ่งซึ่งล่ำลือว่าผีดุ…. พี่ทรอสบอกเลยว่าตอนนั้นหน้าเสีย หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เนื่องจากพี่ทรอสกลัวผีมากๆ พี่ทรอสได้จอดรถคิดอยู่ซักพัก ไม่นานก็มีรถสิบล้อวิ่งผ่านมา พี่ทรอสจึงคิดได้ว่า เส้นนี้ถึงมันจะมืดแต่เป็นเส้นที่สิบล้อวิ่งเยอะ พี่ทรอสไม่รอช้ารีบบิดคันเร่งตามสิบล้อไปติดๆ หวังว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทางแต่… ความเร็วมอเตอร์ไซค์หรือจะสู้สิบล้อได้ ทางพี่ทรอสบอกเลยว่าตอนนั้น ยิ่งบิดตามเหมือนสิบล้อยิ่งขับหนี และแล้วในที่สุดสิบล้อก็ได้ขับตีห่างจนขับลับตาไป ส่วนพี่ทรอสตอนนี้อยู่ท่ามกลางความมืดอย่างโดดเดี่ยว พี่ทรอสพยายามแข็งใจขับต่อไป โดยในใจหวังว่าคงมีสิบล้อผ่าน แต่ก็หามีไม่ ตอนนี้พี่ทรอสขับมาเกือบถึงวัดที่ว่าผีดุแล้ว….ซึ่งขอบอกรายละเอียดหน่อยนะครับแต่จะไม่บอกชื่อนะครับ วัดนี้จะมีกำแพงเล็กที่บนกำแพงจะเต็มไปด้วยรูปปั้นเทวดาหรือตัวละครรามเกียรติ์ ถ้าพี่ทรอสจำไม่ผิด และหน้าวัดตรงข้ามจะมีศาลาเก่าๆ พี่ทรอสบอกตอนนั้นหัวใจเต้นจนแบทะลุออกมาเลย แต่แล้วเหมือนฟ้ามีตา เพราะมี เสียงแตรรถสิบล้อดัง ปู๊มๆๆ และแสงไฟหน้ารถสาดมาจากทางข้างหลัง พี่ทรอสถึงกลับยิ้มและคิดในใจ” กูรอดแล้วว!!!!! ไม่ได้หลอกกูหรอก! 5555 “แต่ดีใจไม่ทันไร จู่ๆสิบล้อที่กำลังขับมากลับหักเลี้ยวไปอีกทาง พี่ทรอสถึงช็อคและคิดในใจ.” ชิปหายละกู!😱 “พี่ทรอสกลับมาตกในวังวนความกลัว แต่ให้ถอยหลังคงไม่ได้ พี่ทอสจึงค่อยๆขับรถผ่านวัดไปอย่างเนิบๆ จนแสงไฟหน้ารถของพี่ทอสไปกระทบเจอกับคนคนหนึ่งที่อยู่ในศาลา พี่ทรอสก็นึกว่าอาจจะเป็นพวกขี้เมา แต่ก็รู้สึกดีเพราะอย่างน้อยก็ยังมีเพื่อน แต่!!! ระหว่างที่พี่ทรอสกำลังเข้าใกล้ศาลาชายที่อยู่ในศาลาเริ่มลุกออกเดินมาด้านศาลา และทำการดึงหัว!!! และฉีกยิ้มให้พี่ทรอส พี่ทรอสสติแตกเสียหลักพุ่งไปล้มที่แถวกำแพงวัด และพี่ทรอสก็เหมือนจะสลบไปไม่รู้ว่านานรึเปล่า ไม่นานพี่ทรอสแต่ลืมตาขึ้นเพราะพี่คนมาสะกิดเรียก ” ไอ้หนูๆ ตื่นๆลูก “แล้วทันทีที่พี่ทรอสลืมตา พี่ทรอสก็พบว่าเห็นบรรดารูปปั้นที่อยู่บนกำแพงวัดมารุมล้อมพี่ทรอส พี่ทรอสก็ร้องว๊ากกก สุดเสียงก่อนที่จะสลบไปอีกที และก็ตื่นเช้ามาพบว่าพวกหลวงพี่พระเณรช่วยเขาไว้…ผมและแอดมินคนอื่นๆ ปรบมือให้กับเรื่องเล่าพี่ทรอส ผมให้คะแนนไปเลย8กะโหลก ต่อจากพี่ทรอสก็จะเป็น อับดุล ซึ่งอับดุลเป็นลูกครึ่งพ่อเป็นแขก แม่เป็นเด็กเสริฟ แฮร่!! ล้อเล่นครับ คุณพ่ออับดุลเป็นชาวอินเดียส่วนคุณแม่เป็นคนไทยเริ่มต่อเลยนะครับอับดุลเล่าว่าสมัยเด็กๆเขาอยู่ที่อินเดีย โดยสมาชิกในบ้านจะมี พ่อ แม่ พี่ชาย พี่สาว ตัวอับดุล และคุณอา โดยอับดุลกับคุณอาจะค่อนข้างสนิทกันมาก โดยคุณอาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่บนรถไฟ ตอนเด็กๆอับดุลก็ชอบวิ่งไปเล่นอยู่แถวสถานีรถไฟที่ทำงานอยู่ประจำ จนอยู่มาวันหนึ่งอับดุลได้สังเกตุว่า คุณอามีอาการแปลกไป เนื่องจากคุณอามีอาการเหม่อลอย สีหน้าไม่สู้ดี ทำท่าทางเหมือนหาอะไรซักอย่างตลอดเวลา พอคุณพ่ออับดุลถาม คุณอาก็ไม่ตอบและคุณอามักจะแอบออกข้างนอกกลางคืนเสมอ จนที่บ้านทนไม่ไหวจึงพาคุณอาไปหาหมอ แต่หมอก็ไม่พบสาเหตุ มีเพียงอาการอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อย ที่บ้านก็ไม่รู้จะทำยังไง บางครั้งจำเป็นต้องแอบใส่ยานอนหลับในน้ำหรืออาหาร เพื่อให้คุณอาได้พักผ่อน แต่มันก็น่าแปลกเพราะทุกครั้งที่แอบใส่ยานอนหลับ แต่คุณอาก็กินปกติไม่มีอาการง่วงเลยซักนิด จนมีอยู่คืนหนึ่งอับดุลและพี่ชายก็อยากรู้กลางคืนคุณอาออกไปไหน จึงแอบตามมาจนถึงแถวสถานีรถไฟที่คุณอาทำงาน และกำลังหาของอะไรซักอย่าง อย่างร้อนรน ไปหาตามรางรถไฟ เดินๆจนไปถึงแถวที่เปลี่ยวที่2ข้างทางเป็นทุ่งหญ้าโล่ง คุณอาก็หาๆๆๆ พวกอับดุลและพี่ชายก็งงว่าคุณอาทำอะไร จนสักพักอับดุลก็เห็นมีคนๆหนึ่งลักษณะเป็นผู้หญิง กำลังก้มๆเงยๆกำลังหาอะไร แถวๆไม่ไกลจากคุณอามาก พี่ชายอับดุลจึงคิดว่า คุณอาคงแอบมาเจอสาวนี้เองและดูเหมือนจะทำของสำคัญหายจึงพากันมาหา พี่ชายอับดุลเลยวิ่งไปหาคุณอาหวังจะไปช่วยหาอีกแรง แต่!!! วิ่งไปยังไม่ทันไร ผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาและปรากฏว่า!! หญิงสาวคนนั้นไม่มีหัว!!! พี่ชายอับดุลและอับดุลร้องว๊าก!สุดเสียง พากันวิ่งแตกไปคนละทิศ คุณอาที่เห็นก็รีบวิ่งตามอับดุลมาติดๆจนอับดุลไปสะดุดล้มและคิดว่าตัวเองไม่รอดแน่ แต่จู่ๆก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าสุดๆ อับดุลมองตามทิศทางของกลิ่นและสายตาคุ้นชินกับความมืดแล้วก็ได้พบว่า!!!! ต้นตอของกลิ่นคือศีษะมนุษที่ขึ้นอืด หนอนยั้วเยี้ยอับดุลถึงกับอ้วกพุ่ง และไปนานคุณอาที่สภาพเหม่อลอยพาพร้อมผู้หญิงที่ไร้หัวคนนั้น คุณอาเดินตรงมาที่อับดุลและหยิบศีษะที่ขึ้นอืดนั้นเดินไปให้กับผู้หญิงที่ไม่มีหัวคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นรับหัวและนำมาต่อเข้ากับตัว ก่อนจะพูดเป็นภาษาอินเดียว่า ” ขอบคุณ ” และอับดุลก็ภาพตัดไป ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาล เพราะพี่ชายวิ่งไปบอกพ่อกับแม่และพากันมาช่วยเหลืออับดุลและคุณอา หลังจากที่อับดุลและคุณอาออกจากโรงพยาบาล คุณอาเล่าว่าก่อนหน้านั้นตอนที่เขาทำงานตอนนั้นเลิกงานมืดมาก เขาเห็นผู้หญิงกำลังก้มๆเงยๆหาของเช่นกัน คุณอาจจึงเข้าไปถาม และก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีหัวและความรู้สึกมันก็หายไปหมด รู้ตัวอีกทีก็มาตื่นที่โรงพยาบาล เหมือนคนโดนครอบงำ ส่วนศีรษะของผู้หญิงคนนั่น ตำรวจก็นำไปชันสูตร รื้อคดีก็พบว่าเคยมีอุบัติเหตุรถไฟชนหญิงสาวและไม่พบศีรษะ หลังจากตรวจสอบและสืบสวนพบว่าเป็นศรีษะเดียวกัน จึงได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตมารับไปทำพิธีทางศาสนาและอับดุลก็ได้พูดว่า ผีประเภทนี้อินเดียเรียก ” ผีโขนโฑคะตา ” หรือผีหัวขาดที่โดนรถไฟชนหัวขาดหรืออุบัติเหตุจนทำไห้หัวขาด โดยผีประเภทนี้มักจะค้นหาหัวที่หายไปและขอร้องให้คนอื่นช่วยตามหา แต่ครั้งพวกมันโจมตีจะมนุษย์และทำให้พวกคนเราตกเป็นทาสด้วยมนสะกดเพื่อค้นหาศีรษะที่หายไปของ ” โขนโฆคะตา “บอกได้เลยครับตอนนี้ผมกับแอดมินคนอื่นๆขนลุกกับเรื่องนี้มากได้ความรู้ใหม่ๆเยอะมากจากเรื่องนี้อับดุลจึงได้คะแนนนำไปเลย 9.2 คะแนนเต็มสิบ ต่อไปก็คือผม ผมเริ่มเล่าว่ามันมีอยู่คืนหนึ่งวันนั้น คนต่อไปก็คือเจ้าโตะ หนุ่มน้อยหน้าหวานลูกครึ่งญี่ปุ่นน้องเล็กสุดในบรรดาแอดมิน เจ้าโตะเริ่มเล่าว่า…..เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นและเป็นตอนที่เจ้าโตะกลับบ้านคุณแม่ที่ญี่ปุ่น เรื่องมันเกิดในวันที่วัดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ตอนนั้นเจ้าโตะไปงานศพของคนรู้จักคุณแม่ ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมได้ออกไปเดินเล่นบริเวณรอบวัดและได้เจอกับช่องๆหนึ่งๆ ด้วยความซนผมจึงเดินไป และปรากฏว่ามันก็จะออกมาอีกที่น่าจะเป็นหลังวัด ผมเดินไปดูรอบและพบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งใส่กิโมโนสีฟ้า เธอน่าจะอายุเท่าๆผม และด้วยความที่ยังเด็กจึงเข้าไปหาเธอ แต่พอเข้าใกล้เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับชี้มือมาทางเขาและพูดใส่เป็นภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า ” กลับไป! ที่นี้ไม่ใช่ที่ของคุณ!! “เจ้าโตะได้ยินดังนั้นก็งง และพูดถามกลับว่าทำไมแต่เด็กผู้หญิงคนนั้น ก็พูดซ้ำๆว่า กลับไปๆ และค่อยๆเดินเข้าใกล้มาเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าโตะถึงกลับผงะคือ ระหว่างที่เด็กผู้หญิงนั้นกำลังเดินเข้าใกล้ ร่างของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆบวมอืด และชิ้นส่วนอวัยวะเริ่มหลุดทีละชิ้นๆทีละชิ้น เจ้าโตะค่อยๆถอยหลังด้วยความกลัวและรีบวิ่งหลับไปยังทางเก่า แต่พอออกมาจากช่องปรากฏว่า ตอนนี้ฟ้ามืดหมดแล้ว!ทั้งที่เมื่อกี้ฟ้ายังสว่างอยู่เลย เจ้าโตะสับสนมากว่าตนเจออะไรกันแน่ และแล้วแม่ของเจ้าโตะก็วิ่งมากอดและร้องไห้โฮ ก่อนคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นพระที่วัด ตำรวจหรือญาติๆ พากันมารุมเจ้าโตะด้วยความเป็นห่วง เจ้าโตะสับสนทำอะไรไม่ถูกก่อนจะสงบคาอ้อมกอดของคุณแม่…. พอได้สติ คุณแม่ก็ถามทั้งน้ำตาว่า ” หายไปไหนมาตั้ง5วัน รู้มั้ยว่าวุ่นวายขนาดไหน ” เจ้าโตะถึงกับสะดุ้งและอุทาน” 5วัน! “ใช่ครับ ผมและแอดมินคนอื่นๆต่างก็สะดุ้งเฮือกตกใจกับคำพูดของแม่ของเจ้าโตะมาก เข้าเรื่องต่อนะครับ เจ้าโตะก็เล่าทุกอย่างให้ฟังและย้ำว่าตน เข้าไปในช่องนั้นยังไม่ถึง10นาทีเลย คุณแม่ก็ถามว่าช่องไหน? เจ้าโตะจึงพาทุกคนไปดูช่องที่บอกแต่ปรากฏว่า มันไม่มีอะไรนอกจากกำแพงที่ไม่มีช่องหรือรูให้มดผ่านไปได้ เจ้าโตะก็งง รีบวิ่งไปทางหลังวัดแต่ปรากฏว่า มันไม่ใช่สถานที่เดิมก่อนที่คุณแม่จะพากลับบ้าน คุณแม่เล่าว่าระหว่าง5วันที่หายตัวไป แม่ฝันเห็นเด็กผู้หญิงใส่กิโมโนสีฟ้ามาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ” ที่วัด เขาอยู่ที่วัด รีบมา….” ตอนแรกคุณแม่ก็ไม่ได้เชื่ออะไรนึกว่าคงเป็นฝันไร้สาระ แต่ฝันเห็นทุกครั้งไม่ว่าจะหลับตอนไหนจนฝันถึงวันที่ 3 ก็เริ่มพากันไปหาที่วัดต่างๆแต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร จนคิดถึงวัดนี้ก็เจอเจ้าโตะ…พอเจ้าโตะเล่าจบ พวกผมถึงกับหว๋อเพราะเรื่องนี้ผมคิดว่ามันพีคมากและมันเหมือนกับเป็นการหลุดไปอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยังมีคนพูดถึงมากในยุคปัจจุบัน ผมจึงให้คะแนนเรื่องนี้ไป 8.3คะแนนเต็ม10 พอทุกคนเล่ากันจบ จู่ๆอับดุลก็พูดโพร่งขึ้นมาว่า” ได้ยินเสียงอะไรมั้ย เหมือนคนร้องไห้เลย “ทุกคนถึงกลับเงียบและฟัง…ปรากฏว่ามันมีเสียงอย่างว่าจริงๆ” เสียงซาวหลอนๆที่เปิดป่าว “ผมพูดพร้อมลุกไปดูเพราะตอนที่พวกเราเล่าเรื่องผมได้ทำการเปิดเสียงซาวบิลด์อารม ผมไปดูและลองฟังปรากฏว่าเสียงมาจากซาว ผมจึงทำการปิดและกลับไปนั่งร่วมวง เฮฮาปาร์ตี้ต่อ” ช..ช.ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!! ฮือๆ ” รวมเราทั้งกลุ่มเกือบชะงัก ทุกคนมองมาที่ผม ผมเองก็รู้ว่าพวกมันจะถามว่าอะไร ผมจึงบอกว่า” ปิดเสียงแล้ว ” ทุกคนถึงกลับเหงื่อแตก…” ช..ช.ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!! เจ็บเหลือเกิน! ฮือๆ ” เสียงนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆพวกผมจึงตัดสินใจที่หันไปมองต้นเสียง ที่เสียงมาจากทางหน้าประตูบ้านไปพร้อมๆกัน…. และสิ่งที่ปรากฏให้พวกผมเห็นนั้นก็คือ!!! หญิงสาวที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด!! ใบหน้ามีบาดแผลขนาดใหญ่ นอนกอดรั่วประตูหน้าบ้านผม!! ผมและบรรดาทีมงานเห็นดังนั้นก็พากันวงแตก กับกงกับแกล้มไม่ต้องกินกันแล้ว รีบพากันวิ่งเข้าบ้านไปขดรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขก เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่องไม่ขาด จนจู่ๆก็มีเสียงเคาะประตู…ที่นี้พวกผมช็อกเลย เพราะมันเข้ามาในบริเวณบ้านผมแล้ว! เสียงเคาะดังขึ้นไป ผมก็ไม่ตอบจนมีเสียงพูดว่า” ไอ้หนุ่มๆ! อยู่มั้ยลูกลุงมีเอง “พอผมได้ยินเสียงนั้นก็จำได้ เป็นเสียงลุงมีที่บ้านอยู่ไม่ไกลจากบ้านผม ผมจึงโล่งอกเดินไปเปิดประตูและถาม ลุงมีเลยบอก” จะขอแรงพวกหนุ่มหน่อย พอดีลุงขับรถผ่านมาเจอผู้หญิงเขารถล้มมาเกาะประตูหน้าบ้านหนุ่ม ร้องเรียกขอความช่วยเหลืออยู่ ” ลุงมีพูดพร้อมชี้ไปทางผู้หญิงคนนั้นผมก็คิดใจ” ห่าเอ้ย!! ตรงจังหวะจริงๆนะแม่คุณ “ผมรีบเอารถส่วนตัวออกมาพร้อมกับพยุงร่างผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถแต่ทว่าไม่ได้มีแค่ผู้หญิงคนเดียวนะครับที่บาดเจ็บมีผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนนอนสลบอยู่ตรงรถมอเตอร์ไซค์ ผมพอทั้งสองไปที่โรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ( ทำแบบนี้ผมไม่ทราบว่าถูกมั้ยนะครับเนื่องจาก เราไม่รู้วิธีประถมพยาบาลเบื้องต้นอาจทำให้พวกเขาบาดเจ็บหนักกว่าเดิมได้ แต่ตอนนั้นขาดสติและคิดว่ารถฉุกเฉินกว่าจะมาคงจะช้าไปด้วยความเป็นห่วงเลยตัดสินใจทำแบบนี้ )พอไปถึงโรงพยาบาลพวกผมก็รีบไปแจ้งเหล่าพญาบาล เหล่าบุรุษพยาบาลก็พากันเอาเตียงตรงมาที่รถผม ผมและทีมงานคงคิดว่าปลอดภัยแล้วก็โล่งอก จึงพากันนั้งพัก ไม่นานบุรุษพยาบาลท่านหนึ่งก็เดินมาหาผมและพูดว่า” พวกคุณเล่นอะไรบ้าๆแบบนี้ สนุกนักหรอ! “พวกผมก็งง อะไรจู่ๆก็มาพูด บุรุษพยาบาลคนนั้นเลยลากแขนผมมาที่รถและพูดว่า ” ไหนคนเจ็บอยู่ไหน! ” ผมก็โมโหเลยเปิดประตูรถ แต่!!มันไม่มีใครเลยจริงๆมีแต่รอยเลือดที่เลอะเต็มเบาะรถผมรถ พวกเราทั้งคณะช็อคกันเป็นแถบเข่าทรุดลงกับฟื้น ผมทำได้เพียงคิดในใจ” นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรวะเนี่ย!! “……..


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กลับป่าช้ากันเถอะ
ปู่โสม เฝ้าสวน
นัดเล่า…ผี
ตัวตาย ตัวแทน
ซากสยอง กลางดงมรณะ
ตัวตายตัวแทน