เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากที่มีครอบครัวหนึ่งได้ซื้อบ้านหลังใหม่อยู่แถวชานเมือง เนื่องจากเป็นบ้านทรงสมัยเก่าที่มีความสวยงามอีกทั้งตัวคุณพ่อเอง อยากจะเก็บเป็นบ้านไว้สำหรับตากอากาศ เขาเลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังนั้น คุณพ่อได้จ้างทีมช่างมาตรวจสอบดูบ้านและจัดการเรื่องซื้ออุปกรณ์ตกแต่งภายในทั้งหมด แต่ด้วยระยะทางไปมาค่อนข้างไกล ท่านเลยไม่ได้ไปตรวจดูงานด้วยตัวท่านเอง ท่านจึงฝากบ้านไว้ให้ทีมช่างเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด นานๆครั้งที่ท่านจะชวนครอบครัวไปตรวจดูความเรียบร้อยของบ้าน ทำให้ทีมช่างบางคนถือโอกาสพักอาศัยในระหว่างที่บ้านหลังนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์หลายเดือนผ่านไป ตัวบ้านเรือนไทยเริ่มใกล้เสร็จสมบูรณ์ กลายเป็นบ้านที่เอกลักษณ์และความสวยงามอย่างมาก เจ้าของบ้านพอใจมากกับบ้านหลังนี้ เขาคิดถูกที่ตักสินใจซื้อบ้านหลังนี้ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น และเขาคิดว่า อนาคตเขาจะย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้อย่างแน่นอน… ในขณะเดี่ยวกันกรรมกรก็ได้เร่งมือสร้างและตกภายในตามแผนที่วางไว้ ก่อนที่จะตกดึกทำให้ทำงานลำบาก แต่ก็มีกรรมกรหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่แอบอู้งานมามีอะไรกันในห้องนอนใหญ่ ซึ่งเป็นห้องของเจ้าของบ้าน ทางด้านชายหนุ่ม เขาเป็นชายโสดที่เข้ามาหางานทำได้ไม่นาน แต่เขาไม่รู้เลยว่า แฟนสาวของเขานั้น มีสามีอยู่แล้วและสามีของเธอก็ทำงานทีเดียวกันกับพวกเขาด้วย…วันหนึ่งในขณะที่ทั้งคู่พยายามหาจังหวะเพื่อแอบไปเจอกันที่ห้องเดิม สามีของเธอก็เริ่มสงสัยในท่าทีของภรรยาตัวเอง เขาจึงแอบตามภรรยาของเขาไปอย่างเงียบๆ โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันได้สั่งเกตุ แต่ทันใดที่เขาไปถึง หัวใจของเขาแทบแตกสลาย เขาเห็นภาพภรรยาของเขากำลังพลอดรักกับชายแปลกหน้ากันอย่างเมามัน เขาไม่คิดเลยว่าภรรยาสุดทีรักของเขาจะทำแบบนี้ได้ลงคอ เขาเสียใจและแค้นอย่างมาก ด้วยความแค้นและความรู้สึกทั้งหมดที่มี เขาจึงกลับออกไปหยิบเหล็กแข็ง ก่อนที่จะเข้าไปตีหัวชายหนุ่มที่กำลังพรอดรักกันภรรยาเขาอยู่ เลือกท่วมหน้าชายหนุ่มคนนั้นแต่ด้วยความตกใจ เขากระโดดหนีจากประตูหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้หันไปถามว่าใครเห็นใครก่อน คิดแต่เพียงเอาชีวิตรอดจากตรงนั้น ทางด้านภรรยาของเขาคุกเข่าอ้อนวอนสามีของเธอ ว่าอย่าทำอะไรเธอเลย เธอผิดไปแล้ว เธอสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก แต่ด้วยอารมณ์ร้อนและความแค้นอกแค้นใจ สามีเธอไม่ฟังคำอ้อนวอนของภรรยาเธอสักคำ ก่อนที่เขาจะยกเหล็กแข็งที่ถือในมือฟาดลงบนศีรษะเธอ ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนใบหน้าของเธอเหวอะหวะผิดรูปผิดร่าง ไม่นานเธอก็สิ้นลมหายใจ จากนั้นสามีของเธอก็ได้อำพรางศพเธอโดยการซ่อนไว้ใต้เตียงนอนของห้องนั้น และเขาก็ได้หลบหนีไป…
ตกดึกสามีและภรรยาเข้านอนที่ห้องนอนใหญ่ ส่วนลูกๆของเขาก็นอนห้องของตัวเอง ในขณะที่สามีภรรยากำลังหลับสบายอยู่ เสียงเคาะเตียงก็ดังขึ้นมา ” ก๊อกๆ…ก๊อกๆ”
ภรรยา : ” คุณ… นั้นมันเสียงอะไร !!! “
สามี : ” ไม่มีอะไรหรอกคุณ เสียงนกเสียงหนูมั่ง เรานอนกันเหอะ ดึกแล้ว “
“ฮือๆ …. ช่วยฉันด้วย !!! ใครก็ได้ช่วยฉันที !!! ” เสียงผู้หญิงร้องไห้โหยหวนที่ดังมาจากใต้เตียงพร้อมกับกลิ่นเน่าเหม็น ภรรยาของเขารีบปลุกสามีให้ก้มลงไปดู ว่ามันเสียงอะไรกันแน่ ทันใดที่เขาก้มลงมอง ใบหน้าอันเหวอะหวะก็พุงออกมาประชิดกับใบหน้าของเขาพร้อมกับมือที่ดึงหน้าของเขาเอาไว้ เขากรีดร้องและวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ภรรยาของเขาวิ่งไปหาลูกด้วยความเห็นห่วง ทุกคนต่างผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ทันได้ก้าวออกจากบ้านหลังนั้นไป เสียงโหยหวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ” ช่วยฉันด้วย… ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย “
ใบหน้าสยดสยองจ้องมาจากในห้อง เสียงเรียกที่โหยหวนราวกับกำลังทุกข์ทรมาน พวกเขาทั้ง 4 รู้ทันทีว่าถูกผีหลอก ผู้เป็นพ่อจึงรีบดึงภรรยาและลูกๆของเขาออกจากบ้านและไปให้ไกลที่สุดเท่าทีจะทำได้
วันรุ้งนี้ สามีและภรรยาได้ติดต่อหาผู้รับเหมางานที่ตนเคยจ้างไว้ และได้ถามเหตุการณ์ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้รับเหมาจึงยอมพูดความจริงและได้อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้สามีภรรยาคู่นี้ฟัง เมื่อสามีภรรยารู้ความจริงทั้งคู่ตัดสิ้นใจปล่อยบ้านหลังนั้นไป โดยไม่ขายหรือรื้อถอนบ้านหลังนั้น ทำให้ผู้คนที่พักอาศัยในละแวกนั้นมักจะได้ยินเสียง หรือบางครั้งก็เห็นเป็นเงาคนยืนอยู่ที่ประตูหน้าต่าง จนถึงปัจจุบันนี้…