วันศุกร์, 22 กันยายน 2566

ซากสยอง กลางดงมรณะ

บ้านแม่ขนาดเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงขนาดเล็กตั้งอยู่ในป่าที่ยังไม่ใช่ป่าลึกมากนัก มีเพียงไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน คนในหมู่บ้านปลูกบ้านลดหลั่นกันมาตามลักษณะความลาดเอียงของภูเขา มีลำห้วยแล่นผ่านใจกลางหมู่บ้าน บรรยากาศนับว่าสดชื่นงดงามตามธรรมชาติ ชาวบ้านในหมู่บ้านยังนับถือผีกันอยู่ และมีความเชื่อในวิถีธรรมชาติ บ้านของลุงจ่อละบืออยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ถัดไปอีกสามหลังก็จะถึงแนวป่า ซึ่งเป็นเส้นทางที่พรานหวินและลูกทีมจะต้องนำเจษฎามุ่งหน้าเข้าไป เพื่อไปให้ถึงหมู่บ้านกะลาง อันเป็นหมู่บ้านเป้าหมายที่นักผจญภัยมักกล่าวถึงในด้านความยากลำบากของการเดินทาง และมีการกล่าวอ้างถึงขุมทรัพย์อันลี้ลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายในถ้ำของหมู่บ้านบรรยากาศในบ้านแม่ขนาดตอนเจษฎาและพรานหวินพาทีมกลับมาจากนั่งห้างส่องเสือที่โป่งดินก็คือ ชาวบ้านส่วนหนึ่งกำลังพากันจัดเตรียมพิธีศพให้แก่เกอะซอกันอยู่ เนื่องจากคนตายยังเป็นหญิงสาววัยรุ่น ดังนั้นพิธีศพจึงมีการสร้างเพิงหลังเล็กไว้ตรงกิ่วดอยใกล้กับหมู่บ้าน แล้วนำเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ที่จะให้วิญญาณนำเอาไปใช้ในโลกหน้าไปวางไว้ที่เพิงนั้น งานศพของเกอะซอจะทำพิธีเพียงแค่หนึ่งคืนเท่านั้น วันพรุ่งนี้ก็จะนำร่างเธอไปเผาเลย เพราะคนที่ถูกเสือสมิงกัดตายหากเอาไว้หลายวันวิญญาณจะเฮี้ยนมีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่นำซากเสือไปชำแหละแล้วถลกหนังมันออก ได้เข้ามาเล่าให้พรานหวินฟังว่า เสือตัวที่ตายมันเป็นตัวเมีย พวกเขากำลังกลัวกันว่าไอ้ลายอีกตัวจะเป็นผัวมัน และมันอาจจะย้อนกลับมาล้างแค้นแทนเมียมันเอาได้ พรานหวินรับฟังด้วยความหนักใจ เพราะถ้าหากยังจัดการกับเสือตัวที่เหลือไม่ได้ กลุ่มของพวกตนก็คงจะยังออกเดินทางต่อไม่ได้เช่นเดียวกัน ที่สำคัญก็คือ เสือตัวที่ตายไปแล้วอาจจะยังไม่ใช่เสือสมิงเพียงตัวเดียวในป่านี้เขากับลูกน้องและเจษฎาพากันมาพักผ่อนที่บ้านของลุงจ่อละบือกันก่อน เนื่องจากต่างก็ยังเหนื่อยอ่อนจากการไปนั่งห้างผจญภัยกับเสือร้ายมาตลอดทั้งคืน พรานหวินเล่าเรื่องผีป่าแปลงตัวมาเป็นลุงจ่อละบือเพื่อล่อให้พวกตนลงมาจากห้างให้ชายชราฟัง แกหัวเราะในลำคอ บอกว่าผีตนนี้คงมีอาคมที่แก่กล้ามาก มันกล้าพอที่จะแปลงกายมาเป็นแก และมันคงไม่ใช่ผีโป่งธรรมดา ให้ระวังเสืออีกตัวให้ดี จากนั้นแกก็ออกจากบ้านไปที่งานศพของเกอะซอเพราะข่าวที่ว่าอาจจะมีไอ้ลายเข้ามาในหมู่บ้านอีก เพราะทีมของพรานหวินไปฆ่าเมียมันตายในโป่ง จึงทำให้ชาวบ้านพากันหวาดกลัว รีบต้อนวัวควายเข้าคอกตั้งแต่บ่าย ตกเย็นก็ทำการก่อกองไฟที่ข้างคอกสัตว์เลี้ยงของตนเอง เพื่อเป็นการไล่เสือไม่ให้เข้าใกล้ และเพื่อใช้ควันไฟไล่ยุงแมลงต่าง ๆคืนนี้กลุ่มของเจษฎาพากันมาร่วมงานศพของเกอะซอ โดยการนำมาของโอ๋ซู่ ลูกสาวของลุงจ่อละบือ พบว่าศพของสาวเคราะห์ร้ายไม่ได้ใส่ไว้ในโลง แต่ถูกห่อด้วยเสื่อ มีชาวบ้านมาร่วมงานศพบางตา อาจเป็นเพราะว่าต่างก็เกิดความกลัว จนไม่กล้าออกจากบ้านมาร่วมงานกัน โอ๋ซู่เล่าให้ฟังว่าเธอกับเกอะซอเป็นเพื่อนรักกัน เธอเองก็หวาดกลัว แต่ความที่รักเพื่อน แม้จะกลัวก็ยังอยากมาร่วมงานของเพื่อนอยู่เอกออกลีลาหนุ่มเจ้าขู้ อาสาอยู่ในงานเป็นเพื่อนกันกับโอ๋ซู่ พรานหวินจึงปล่อยให้หนุ่มสาวได้จีบกัน ตัวเองชวนเจษฎากับป๋องกลับไปนอนที่บ้านก่อน พอเคลิ้มหลับได้ไม่นานก็ต้องสะดุ้งตื่นกันอีก เมื่อเอกวิ่งหน้าตาตื่นกลับมาปลุกทุกคนในบ้าน บอกว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับโอ๋ซู่ เมื่อจู่ ๆ เธอก็หายตัวไปจากในงาน ที่สำคัญที่สุด ศพของเกอะซอเองก็หายไปด้วยเช่นกัน เอกเล่าให้คนในบ้านฟังปากคอสั่น“โอ๋ซู่บอกผมว่าปวดฉี่ จะไปฉี่แถวพุ่มไม้หลังบ้าน ผมรอตั้งนานก็ไม่เห็นกลับมา ผมผิดสังเกตเลยบอกให้คนในงานช่วยกันออกตามหา แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ พอพวกที่ออกตามหากลับมาในงานอีกที ศพของเกอะซอก็หายไปด้วย เหลือแต่เสื่อที่ใช้ห่อศพ”ทุกคนในบ้านพอรู้ต่างก็พากันหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง คบไฟถูกจุดขึ้นหลายอัน จนสว่างโร่ ต่างคนรีบคว้าอาวุธประจำตัวผลุนผลันลงจากบ้านมาทันที ลุงจ่อละบือตามลงมาบอกกับพรานหวินว่า“ท่าทางจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในคืนนี้เสียแล้วล่ะ ลุงนึกตงิดตั้งแต่ตอนที่เล่าว่าผีป่ามันแปลงตัวมาเป็นลุง พรานเอานี่ติดตัวไป เป็นของขลังที่พระธุดงค์รูปหนึ่งให้ลุงไว้ ตอนท่านมาปักกลดที่นี่ มันใช้ปราบผีป่าได้ทุกชนิด เกอะซออาจกลายเป็นผีดิบไปแล้วก็ได้ พระท่านเคยเล่าให้ฟังว่า เสือสมิงบางตัวมันคือคนเรานี่แหละ แต่มันเล่นของจนถูกของเข้าตัว กลายเป็นสมิงอาคมไป สมิงพวกนี้มันมีมนตร์สะกดผีที่มันกินให้มาเป็นลูกสมุนของมัน พวกคุณช่วยตามหาลูกลุงให้เจอด้วยนะ เราจะแยกกันออกตามหา ลุงจะไปกับพวกชาวบ้าน ไล่ดูตั้งแต่ฝั่งขวาของบ้านเกอะซอเป็นต้นไป พรานไปหาทางฝั่งซ้ายแล้ววกกลับมาบรรจบกัน” ชายวัยกว่าเจ็ดสิบปีพูดด้วยเสียงสั่นเครือ แม้แกจะใจเสียเมื่อรู้ว่าลูกสาวหายตัวไป แต่แกก็ยังคุมสติได้ดีอยู่ ยื่นตะกรุดทองเหลืองเส้นหนึ่งให้นายพราน อีกเส้นแกเก็บใส่กระเป๋าเสื้อตัวเอง“ลุงมีอีกเส้นจะเอาติดตัวไว้” พรานหวินรับตะกรุดเส้นนั้นมาพนมมือขึ้นจบศีรษะ มองเห็นชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านนับสิบคนพากันเดินตรงมา พวกเขาคงจะไปด้วยกับลุงจ่อละบือ ส่วนพวกตนก็จะแยกไปอีกทาง“ขอบคุณนะลุง ผมจะให้คุณเจษไว้ดีกว่า ส่วนผมมีมีดลงอาคมกับยันตร์กันผีอยู่แล้ว เจ้าเอกกับเจ้าป๋องก็มีปืนสั้นกับผ้ายันต์ปราบผีคนละผืนไว้ใช้ป้องกันตัว ลุงไม่ต้องห่วง เราพอจะเอาตัวรอดได้ ถ้าพร้อมแล้วเรารีบออกไปตามหาโอ๋ซู่กันเถอะ”แล้วคนทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปตามที่ตกลงกันไว้ แสงวับแวมของคบไฟเห็นกระจายเข้าไปในป่าเป็นจุด ๆ การออกติดตามค้นหาคนหายเป็นไปอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางแสงจันทร์ครึ่งดวงที่ไม่สว่างนัก และจากคบไฟกับกระบอกไฟฉายของคนในทีม เจษฎารู้สึกว่าเมื่อล่วงเข้าสู่เขตป่าทึบบรรยากาศเริ่มเยือกเย็นลงแบบแปลก ๆ หากมาเพียงลำพังเขาคงสติหลุดจากความกลัวเป็นแน่ ทีมของเจษฎาเดินมาถึงบริเวณริมบึงที่พบศพเกอะซอเป็นครั้งแรก พื้นที่ตรงนี้ความจริงเป็นที่โล่ง มีกอหญ้ากอกกขึ้นสูงเป็นแห่ง ๆ พลันพรานหวินก็สั่งให้ทุกคนหยุดเดินอย่างกะทันหัน “เอ๊ะ! นั่นอะไร เอาไฟฉายส่องดูหน่อยซิป๋อง แต่อย่าเพิ่งเข้าไปใกล้นะ” ในรัศมีแสงสว่างของคบไฟ วัตถุสีขาวเหมือนร่างคนวางสงบนิ่งบนพื้นริมบึง ทุกคนหยุดชะงักจ้องดู ต่างพุ่งแสงไฟฉายไปที่วัตถุชิ้นนั้นเป็นจุดเดียว“ศพของเกอะซอ” เจษฎาพึมพำ เขาจ้องมองซากร่างที่สวมใส่ชุดขาว เนื้อตรงใบหน้าและขาท่อนล่างแหว่งหายไปเกือบหมดอย่างจดจำได้ ร่างนี้คือศพของเกอะซอนั่นเอง…ทำไมซากร่างของเธอจึงมาอยู่ตรงนี้ได้ เป็นปริศนาที่เจษฎาขบคิด“ผมได้กลิ่นสาบเสือ” พรานหวินทำจมูกฟุดฟิด “มีเสืออยู่แถวนี้แน่ มันน่าจะซุ่มดูอยู่แถวนี้ด้วย แสดงว่ามันนี่เองที่ไปคาบศพเกอะซอมา แต่ว่าเราอยู่ตรงนี้เห็นทีจะไม่เข้าท่า หากมันพุ่งเข้าโจมตีเรา พวกเราจะหนีมันไม่ทัน” (มีต่อ)เขาหันไปดูทางต้นประดู่ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบึงเท่าไหร่ เห็นมีคาคบไม้แตกสาขาอยู่หลายกิ่ง น่าจะขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ จึงเล็งไว้เป็นที่หลบภัยจากเสือที่หนึ่ง“ขึ้นไปอยู่บนต้นไม้กันก่อน ผมคิดว่ามันต้องวนเวียนมาดูซากเหยื่ออีก เสือสมิงมักมีเล่ห์เหลี่ยม ยิ่งเป็นเสืออาคมด้วยแล้วยิ่งเจ้าเล่ห์ใหญ่ มันเป็นเสือแก่วิ่งล่าเหยื่อไม่ไหว มันต้องมาลากเหยื่อเก่าไปกินอีกแน่”“แล้วศพของเกอะซอล่ะครับ จะทิ้งไว้แบบนี้เหรอครับ” เอกนึกเวทนาซากศพของหญิงสาวเคราะห์ร้ายผู้น่าสงสาร“กลับไปบอกลุงนายบ้านดีกว่าไหมครับว่าเราเจอศพแล้ว เสือมันคาบมาไว้ที่นี่” ป๋องเสริมขึ้น คิดจะอาสากลับไปบอกลุงจ่อละบือเอง พรานหวินพยักหน้าเห็นด้วย“งั้นก็ได้ เอ็งรีบไป บอกว่ายังหาโอ๋ซู่ไม่เจอ…เจอแต่ศพเกอะซอ พี่จะซุ่มดูเสือที่นี่ อย่าเพิ่งให้ใครมาแถวนี้ ให้ฟังเสียงปืนเป็นสัญญาณ”ป๋องรับคำ รีบผละไปทำตามคำสั่งของนายพรานรุ่นพี่ ส่วนเจษฎากับเอกก็พากันดับคบไฟ แล้วปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อเฝ้าดูไอ้ลายพาดกลอนตัวอันตราย ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่ามันไปอยู่เสียที่ไหน หาง่ามกิ่งที่นั่งได้ถนัดคนละกิ่ง พรานหวินแก้ผ้าขาวม้าที่คาดพุงออก ม้วนเป็นก้อนกลมแล้วโยนขึ้นไป เมื่อเห็นว่ายังโยนผ้าถึงอยู่ ก็ให้ทั้งคู่ขยับสูงขึ้นอีกหน่อย จนอยู่ในจุดที่ผ้าโยนไปไม่ถึงแล้ว พรานหนุ่มจึงปีนขึ้นต้นไม้เป็นคนสุดท้าย จากนั้นก็พากันจับจ้องสายตามองไปที่ซากร่างของเกอะซอที่อยู่ห่างออกไปประมาณสักยี่สิบเมตร เจษฎาภาวนาให้เสือที่โผล่มาคือไอ้ลายตัวที่เหลือ จะได้จัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียทีขณะเฝ้าดูด้วยใจระทึก พลางตบยุงที่ชุกชุมเหลือเกินเพราะอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำเสียงดังเปาะแปะ เจษฎาก็สะดุ้งกับเสือร้องคำรามของเสือ ไอ้ลายมันกลับมาหาซากเหยื่อของมันจริง ๆ เขานั่งตัวเกร็ง แม้เคยเผชิญกับเหตุการณ์ยิงเสือก่อนหน้ามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ชิน ยังใจเต้นเป็นกลองเพลอยู่ดี เห็นพรานหวินล้วงเอากระสุนยัดใส่ในรังเพลิงลูกซองแฝดคู่ใจ ตัวเขาเองก็กระชับปืนไรเฟิลเตรียมพร้อมอยู่ในมือ เสียงร้องของมันใกล้เข้ามา ในที่สุดร่างของเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ก็เยื้องย่างออกมาจากแนวป่า มันเดินช้า ๆ อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ทุกคนบนต้นไม้เงียบกริบ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเสือตัวเดียวกันกับที่คู่ของมันถูกยิงตายไปหรือเปล่า ตัวนั้นมีขนาดย่อมกว่ามันมาก มันเดินไปยังซากร่างที่นอนอยู่ริมบึง ปืนลูกซองแฝดในมือพรานหวินถูกยกขึ้นประทับบ่า เขายืนมั่นอยู่ตรงแง่สามเหลี่ยมของคาคบไม้ เอาหลังยันลำต้นไว้ พยักหน้าทำสัญญาณบอกเจษฎากับเอกบนคาคบไม้ใกล้กัน เด็กหนุ่มจึงเล็งปืนลูกโม่ของตัวเองไปที่ร่างเสือ เจษฎาก็ตั้งท่าพร้อมเตรียมยิง เสือร้ายเดินวนเวียนไปรอบซากศพแล้วก้มลงดมราวจะพิสูจน์กลิ่นเหยื่อ ก่อนจะขย้ำท่อนแขนของซากศพกัดกระชากกิน พลางครางฮึ่มฮั่มในลำคอ เจษฎาเบือนหน้าไปจากภาพอันชวนสยดสยอง พลันเสียงปืนของพรานหวินก็ระเบิดดังก้องขึ้นเป็นสัญญาณ เสียงปืนลูกโม่ของเอกระเบิดกระสุนตามดังเปรี้ยง ๆ เจษฎาไม่รอช้าหันมาลั่นไกปืนไรเฟิลของตัวเองตามไปบ้าง เสียงปืนทั้งสามกระบอกดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งป่าไอ้ลายพาดกลอนสะดุ้งขึ้นทั้งตัว ร่างมันกระเด็นออกไปจากซากเหยื่อ ทว่ามันกลับพลิกตัวขึ้นยืนใหม่เหมือนไม่เป็นอะไรมาก หันมามองทางเสียงปืนแล้วคำรามลั่น กระโจนมาใต้ต้นไม้ กระโดดเกาะลำต้นตะกายจะขึ้นมาให้ได้ พรานหวินกระหน่ำยิงลงไป จนร่างมันร่วงลงมา ทั้งเจษฎาและเอกเองก็เล็งยิงมันไม่ยั้งเช่นกัน“ประหยัดกระสุนกันด้วย มันไม่ใช่เสือธรรมดา กระสุนปืนทั่วไปทำอะไรมันไม่ได้”พรานหวินตะโกนบอกให้หยุดยิง เสือร้ายเมื่อตกลงมามันก็ยังไม่แสดงอาการอะไร ยังคงเดินป้วนเปี้ยนบริเวณโคนต้นไม้ ไม่มีท่าทางว่าได้รับบาดเจ็บ“อยากกินพวกกูนักเหรอไอ้เสือเฒ่า เดี๋ยวกูจะให้มืงแDกลูกกระสุนลงอาคมพิฆาตเสือสมิงแทน กินให้อร่อยนะมืง” พรานหวินตะโกนลงไป เสือร้ายเงยหน้าขึ้นคำรามขู่ เหมือนมันจะรับรู้ว่านายพรานกำลังคิดจะทำอะไรกับมัน…มันหันมองไปที่ซากร่างของเกอะซอ พลันนั้นเอง ท่ามกลางแสงซีดของดวงจันทร์ สามคนบนต้นไม้เห็นกับตาว่าร่างที่ตายไปแล้วของหญิงสาวมีการเคลื่อนไหว เธอขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วยืดตัวยืนขึ้นช้า ๆ ก่อนหันหน้าแหลกเละมาทางต้นไม้ที่พวกเขาขึ้นไปนั่งอยู่ แล้วก้าวเท้ามุ่งตรงมาผีดิบ! เจษฎาเบิ่งตามอง ขนลุกชันไปทั้งตัวด้วยความสยดสยอง ซากร่างที่ถูกเสือกัดกินจนเนื้อตัวฉีกขาดแหว่งวิ่น บัดนี้มาหยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ แหงนหน้าขึ้นมอง เห็นดวงตาทั้งคู่แดงโร่เหมือนแสงไฟ ก่อนจะเริ่มเกาะไต่ลำต้นไม้ขึ้นมา หนุ่มชาวกรุงยืนตัวแข็ง สติมึนชาไปชั่วขณะจากความตกใจ ปืนสั้นของเอกกระหน่ำยิงเข้าใส่ร่างผีดิบที่เกาะอยู่กับต้นไม้ แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งมันได้ มันยังคงไต่ขึ้นมาอย่างช้า ๆ แม้จะถูกยิงจนเนื้อกระจุยตามแรงกระสุนก็ไม่หยุด ส่วนเสือด้านล่างก็ไต่ตามร่างสยองขึ้นมาด้วยเช่นกัน “เอกเอาผ้ายันต์โยนลงไปคลุมหัวผีดิบให้ได้ แล้วยิงมันให้ร่วง คุณเจษโยนตะกรุดมาให้ผม เร็วเข้า” เสียงพรานหวินร้องสั่ง เอกล้วงผ้ายันต์ลงอักขระคาถาปราบผีจากกระเป๋าเสื้อหย่อนลงไปกะให้ตกลงบนหัวของผีดิบ แล้วกดกระบอกปืนยิงตามลงไป คราวนี้ผีร้ายหวีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ก่อนร่างจะร่วงผล็อยลงไปกองอยู่ที่พื้น เจษฎาล้วงตะกรุดทองเหลืองสะกดวิญญาณผีตายโหงทุกชนิดจากกระเป๋าเสื้อออกมามือไม้สั่น เขาโยนมันไปให้พรานหวินที่รับได้อย่างเหมาะเหม็ง นายพรานหักลำกล้อง รีบยัดมันใส่แทนกระสุนปืนลูกซอง แล้วจ่อยิงไปที่ส่วนหัวของเสือทันที ได้ผล! มันสะอึกขึ้นทั้งตัว ก่อนกระเด็นตกลงไปกระทบพื้นเบื้องล่างดังพลั่ก!สนั่น จากนั้นมันก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้น กระโจนหายเข้าป่าไป ชายทั้งสามบนต้นไม้ถึงกับพ่นลมออกปาก พรานหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไปที่ซากศพของเกอะซอ เห็นนอนกองแน่นิ่งไม่ไหวติงก็รู้ว่ามนตร์ปลุกผีของสมิงได้สิ้นฤทธิ์ลงแล้ว“ผีดิบมันตายแล้วใช่ไหมพี่หวิน” เสียงเอกร้องถามออกมา“ตายแล้วล่ะ มันไม่ลุกขึ้นมาแล้ว”“เสือสมิงล่ะ ตายไปแล้วเหมือนกันใช่ไหมพี่”“ไม่รู้เหมือนกัน พี่ยังไม่ค่อยมั่นใจ ต้องรอดูก่อน”“แล้วเราจะทำไงต่อไปครับพี่หวิน” เจษฎาฟังสองคนพูดกันแล้วเกิดร้อนใจ ร้องถามพรานหวินอีกคน“รออยู่บนต้นไม้นี้แหละ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขนาดนี้ พวกนายบ้านคงได้ยินกันแล้ว รอให้พวกเขามาก่อนค่อยลงไป จะปลอดภัยกว่า”ขณะนั้นเองก็มีคนถือตะเกียงปรากฏขึ้นไกล ๆ ทั้งสามพากันเขม้นมอง เจษฎาคิดว่าเป็นพวกของนายบ้านที่ได้ยินเสียงปืนแล้วตามมาดู แต่พอคน ๆ นั้นเข้ามาในระยะสายตา เอกก็อุทานออกมา “โอ๋ซู่” ปรากฏว่าคนที่มาคือลูกสาวของลุงจ่อละบือนั่นเอง เธอมาหยุดยืนใต้ต้นไม้ที่ทั้งสามนั่งอยู่ พอเห็นซากร่างของเพื่อนรักที่นอนกองอยู่บนพื้นก็มีทีท่าตกใจ ผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วชูตะเกียงขึ้นสูง รีบร้องบอก“ศพเกอะซอโดนลากมาอยู่นี่เอง เสือมันตายแล้วจ้ะ ตายอยู่ตรงโน้น พ่อกับพวกชาวบ้านกำลังหามมันกลับไปบ้าน พ่อให้ฉันมาตามพวกคุณกลับไปจ้ะ ช่วยกันเอาเกอะซอกลับไปด้วยนะจ๊ะ น่าสงสารจัง เสือมันคงลากมากินที่นี่”พรานหวินจ้องมองหญิงสาวด้านล่างเขม็ง เขายังไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่เห็น ล้วงไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงแล้วร้องบอกลงไปว่า “ขอโทษนะโอ๋ซู่ ไหนลองจุดไฟแช็กนี้ให้ดูก่อนซิ พวกพี่จะได้อุ่นใจว่าน้องไม่ได้เป็นเสือสมิงมาลวงพวกเรา”ว่าแล้วเขาก็โยนไฟแช็กลงไป โอ๋ซู่ไม่ทันระวังตัวจึงผวามาอ้าปากรับ ฉับพลันปืนลูกซองในมือของพรานป่าก็ลั่นกระสุนเข้าใส่ทันที เสียงร้องโฮกดังขึ้นสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งป่า ร่างของหญิงสาวกลายเป็นเสือตัวใหญ่ มันกระเด็นล้มลงไปดิ้นพราดกระเสีอกกระสนกลิ้งไปมาสามสี่ตลบ ก่อนจะสงบลง และทันทีนั้น จากร่างเสือก็ค่อย ๆ กลายร่างเป็นผู้ชายคนหนึ่งนอนตายเลือดท่วมตัวอยู่ที่พื้นนั่นเอง(มีต่อ)กลุ่มชาวบ้านนำโดยลุงจ่อละบือกรูกันเข้ามาในพื้นที่ คบไฟหลายอันสาดส่องจนสว่างไปทั่วบริเวณ ชายหนุ่มทั้งสามไต่ลงต้นไม้มา เพราะเชื่อได้ว่าไม่มีใครเป็นเสือสมิงอีกต่อไปแล้วอย่างแน่นอน“เจอโอ๋ซู่แล้ว ถูกเสือกัดตายอยู่ในป่าด้านโน้น” นายบ้านชราบอกเสียงขรึม สีหน้าของแกแสดงถึงความโศกเศร้าเสียใจที่สูญเสียลูกสาวสุดที่รักไปอย่างไม่คาดฝัน“เสียใจด้วยจริง ๆ นะครับ เมื่อกี้สมิงมันแปลงร่างมาเป็นโอ๋ซู่ แต่มันดันเอาปากรับไฟแช็ค คนที่ไหนจะอ้าปากรับของ ผมเลยใช้กระสุนตะกรุดลงอาคมกระหน่ำยิงมัน กว่ามันจะตายก็แทบแย่เหมือนกัน”พรานหวินเข้ามาจับสองมือพ่อเฒ่าบีบกระชับให้กำลังใจ เจษฏาเองก็กล่าวแสดงความเสียใจออกมา ส่วนเอกถึงกับน้ำตาไหล เพราะเขาเองนึกชอบใจสาวน้อยบ้านป่า กำลังจะจีบเธอเป็นแฟน แต่เธอก็มาถูกเสือกัดตายเสียก่อน เจษฎาตบบ่าเอกแล้วบีบเบา ๆ ผู้ชายในหมู่บ้านช่วยกันขุดหลุมฝังศพชายนิรนามไว้ใต้ต้นไม้ พรานหวินท่องคาถาสวดส่งวิญญาณให้ไปผุดไปเกิดใหม่ ผู้ชายอีกส่วนไปตัดกิ่งไม้แถวนั้นมาทำเป็นแคร่หาม แล้วยกซากร่างอันเสียหายยับเยินของเกอะซอใส่แคร่ หามกลับไปในหมู่บ้าน เพื่อทำพิธีฌาปนกิจให้สมบูรณ์ต่อไป เป็นอันว่าเสือสมิงทั้งสองตัวถูกกำจัดลงได้โดยฝีมือของจอมพราน และเจษฎาเองก็สามารถออกเดินทางไปตามหาน้องสาวได้ในที่สุด


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กลับป่าช้ากันเถอะ
ปู่โสม เฝ้าสวน
นัดเล่า…ผี
ตัวตาย ตัวแทน
เรื่องผี ขยี้ขวัญ
ตัวตายตัวแทน