วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

ลองมาฟังเรื่องลึกลับของผมบ้าง

กระเด็นมาจากกระทู้ ดราม่า “วัยเบญจเพส”

จริงๆ ไม่อยากตั้งกระทู้นะครับ เพราะตัวผมเองก็ไม่เคยเจอเรื่องลี้ลับแบบนี้ แค่เป็นเรื่องที่คนใกล้ตัวมากๆ เล่าให้ฟังหลายครั้ง
จะเป็นเรื่องจริงหรือนิยายก็ไม่ทราบ เล่าเงียบๆ ในนี้ละกันครับ อ่านเอาความบันเทิงนะครับ อย่าซีเรียส

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัวมาก คนที่เล่าให้ฟังคือแม่ของผมครับ ตอนนั้นแม่ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่น อายุราวๆ 15 – 16
(เป็นตัวเลขประมาณการณ์) แม่มีพี่ชาย 3 คน น้องสาว 2 คน น้องชาย 1 คน แม่และน้องสาวอีก 2 คนสนิทกันมากเพราะเกิดไล่เลี่ยกัน
ไปไหนก็ไปด้วยกัน รวมถึงไปเรียนหนังสือก็ไปด้วยกัน สมมุติว่าน้องของแม่ คนแรกชื่อแย้ม (อินเทรนด์หน่อย) ลักษณะจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย
อ่อนหวาน เงียบๆ อีกคนชื่อเย็น จะเฮี้ยวๆ แก่น ร่าเริง

ทุกวันตอนเช้าหลังจากช่วยทำงานบ้านและงานในไร่เสร็จ แม่ผมและน้องๆ (น้า)ก็ต้องเดินเท้า หลาย กม. เพื่อไปเรียนหนังสือ อย่างที่ทราบกัน
สมัยก่อน ถนนหนทางไม่ได้สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ ถนนเป็นดินลูกรัง 2 ข้างทาง บางช่วงก็เป็นไร่นา
บางช่วงก็เป็นผักสวนครัวที่ชาวบ้านแถวนั้นปลูก หรือบางช่วงเป็นป่ารก เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีอยู่ 1 ต้น ที่ตรงโคน
มีศาลไม้เก่าๆ ตั้งอยู่ เดินผ่านไป-มา แม่ผมเล่าว่าก็ยกมือไหว้ทุกครั้ง

กว่าจะเดินจากบ้านไปถึง โรงเรียนก็ 2-3 ชม. ทุกๆวันกิจวัตรก็จะเป็นแบบนี้ ขากลับจากโรงเรียนมาบ้าน ยิ่งช้า
แต่ทุกๆวันเหตุการณ์ก็ดำเนินไปแบบนี้ จนอยู่มาวันนึง ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นครับ ทุกวันนี้แม่ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ผมก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พยานมันเยอะ

เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน แม่ผมและน้องๆ ก็เดินกลับบ้านกันปกติ วันนั้นน้าแย้มก็ไม่ค่อยสบายด้วย พอใกล้จะถึงบ้านก็เริ่มมืด แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร
เพราะชินแล้ว แต่วันนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ตรงป่ารก ตรงโคนต้นไม้ที่มีศาลเก่าๆตั้งอยู่ มีผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ข้างๆศาล
ผู้หญิงวัยกลางคน ผมยาวป่ะบ่า ใส่เสื้อสีดำนุ่งผ้าถุง แม่ผมจำแม่น ในตอนนั้นไม่คิดอะไร รีบจูงน้องให้กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผ่านผู้หญิงคนนั้นไป
ช่วงที่ผ่านไป แม่เหลือบไปมอง เห็นผู้หญิงคนนั้นจ้องมาทางแม่และน้องแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้ม ตาของผู้หญิงคนนั้นดูน่ากลัวมาก
และแม่ผมบอกว่ายังจำได้ถึงทุกวันนี้ แต่คืนนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร

ช่วงเช้าหลังจากทำงานเสร็จ ก็ต้องไปโรงเรียน เพียงแต่วันนี้น้าแย้มอาการไม่ดีขึ้น ไข้ขึ้นสูง แม่จึงไปโรงเรียนกับน้าเย็นแค่ 2 คน
เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 วัน อาการน้าแย้มไม่ดีขึ้นเลย และที่แปลกคือตอนกลางคืน จะสะดุ้งและกรี๊ดดังลั่นบ้าน บอกแม่ (คุณยาย)
ว่ามีคนเข้ามาจะทำร้าย อะไรประมาณนั้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อครับ คิดว่าคงจะฝัน วันรุ่งขึ้นคุณตาผม ก็ไปตามหมอมาดูอาการ
หมอก็บอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้ยา นอนพักอีกสัก 2-3 วันก็หาย แต่ลงท้ายอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ซ้ำยังทรุดลงด้วย

ตอนกลางคืนน้าแย้มก็ยังฝันเหมือนเดิมทุกวันว่ามีคนเข้ามาทำร้าย จนแทบไม่ได้นอน โทรม หน้าตาหมองไม่มีแรง
จนผ่านไป 7 วันถึงตอนนี้ครับ พี่ชายคนโต (คุณลุง) ก็คุยกับคุณตาว่า มันดูแปลกๆแล้วนะ แล้วมาถามแม่ผมว่า ไปซนอะไรที่ไหนมารึเปล่า?
แม่ผมก็บอกว่าเปล่า วันนั้นลุงผมก็ออกไปข้างนอกและกลับเข้ามาตอนประมาณบ่ายๆ พาหมอยา ไม่ใช่หมอผีถือมีด ห้อยประคำนะครับ ประมาณ หมอยาหมอตำแย แต่ก็คงพอมีวิชา ผมก็ไม่รู้เรียกยังไง หลังจากหมอคนนั้นเข้ามา ก็เดินเข้าไปหาน้าแย้ม น้าแย้มก็สวัสดี
บอกน้าจ๋าช่วยหนูด้วยมีคนจะมาทำร้าย หมอยาก็บอกไม่มีอะไร หนูแค่ฝันไป (น่าสงสารนะ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ)

หลังจากตรวจดูอาการพร้อมให้ยาแบบสมุนไพร ก็เดินเลี่ยงออกมาคุยกับ ตา, ยายและก็ลุงผม (ช่วงนี้แม่ไม่ได้ยินนะครับ ลุงมาเล่าให้ฟังทีหลัง)

หมอยาบอกว่าน้าแย้ม ลักษณะเหมือนคนโดนของหรืออาจแค่ยังไม่หายไข้ก็ยังไม่รู้ ให้ต้มยากินรอดูอาการ ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องไปอำเภอ

แต่หมอยาย้ำว่า สำคัญคือห้ามคนแปลกหน้าหรือคนไม่รู้จักมาเยี่ยมเด็ดขาด
นั่นละครับพูดยังไม่ทันขาดคำ แม่เล่าว่ามีเพื่อนๆ ตากับยายแวะมาเยี่ยมหลายคน บางคนแม่ก็จำได้ บางคนก็ไม่รู้จัก
หมอยาก็มองหน้าคุณตาผม ตาผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรเพื่อนกันๆ เสร็จแล้วเพื่อนๆตาก็เดินเข้าไปเยี่ยมน้าแย้ม
ซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ตรงโถงกลางบ้าน

ปรากฏว่ามีผู้หญิงแก่ๆอยู่ 1 คน ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่เข้าไปเยี่ยม จ้องไปที่น้าแย้ม น้าแย้มเห็นหญิงแก่คนนี้ก็ร้องกรี๊ดด ดังลั่นบ้าน ทุกคนตกใจหมอยาเห็นหญิงแก่คนนั้นก็วิ่งเข้ามาชี้หน้าด่าตะโกนลั่นเสียงดัง
แบบหยาบๆเลยครับ ขออภัยด้วย “E-sad! ยิ้ม ยิ้มมาทำไม รีบกลับไปเลยนะ อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ อย่างยิ้มมันไม่ได้ตายดีหรอก”
คนในบ้านก็ตกใจครับ งงด้วย แม่ผมก็ตกใจ ผู้หญิงแก่คนนั้น ยิ้มแว่บเดียว แล้วก็เดินกลับไป

ตากับยายผมก็สงสัยเข้าไปถามหมอยา หมอยาถามกลับว่ารู้จักยายแก่คนนี้เหรอ ตากับยายบอกไม่รู้จัก
หมอยาจึงเล่าให้ฟังว่า ยายแก่คนเนี่ยเป็นพวกเล่นของ เล่นจนของเข้าตัว เพี้ยน วิปริต ปกติเป็นคนเงียบๆ ไม่สุงสิงกับใคร
ไม่รู้วันนี้มาทำไม แต่ถ้ายายแก่คนนี้มาอีกให้รีบไล่ อย่าให้เข้ามาในบ้าน และห้ามให้เจอคนป่วยเด็ดขาด

คุยกันสักพักแล้วหมอก็กลับไป บอกว่าถ้าอาการไม่ดีให้ไปตาม แต่หลายๆอย่างดูจะแย่ลง คืนนั้นเองที่เหตุการณ์แปลกๆเริ่มเกิดขึ้นในบ้าน
ตอนดึกคืนนั้น แม่ผมนอนหลับอยู่ในมุ้ง ก็เห็นเงาลางๆของน้าแย้มออกมาจากมุ้งข้างๆ แม่ก็ถามจะไปไหน แต่น้าแย้มไม่ตอบ
เดินหายไปในครัว แม่เลยลุกเดินตามไปดูน้องในครัว ก็เห็นน้าแย้มนั่งยองๆหันหลังให้อยู่ แม่เดินอ้อมไปด้านหน้าก็ตกใจมาก
เพราะน้าแย้มนั่งกินเครื่องในไก่อยู่โดยที่ไม่สนใจแม่ผมเลย เพียงแค่กรอกตามาชำเลืองแม่ผมแว่บเดียว

แล้วน้าแย้มก็เดินกลับไปนอน แม่ผมแม้จะงงๆ แต่ก็ยังเด็กอยู่ไม่ได้สนใจ ก็เดินตามไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้นยายก็มาดูอาการ จับหัวน้าแย้ม ปรากฏว่าไข้ลดแล้ว ยายก็บอกว่า หายแล้วก็ออกไปเดินรับอากาศหน่อย ไปโรงเรียนไหวมั้ย?
น้าแย้มตอบยายมา 3 คำ แม่ผมจำฝังใจว่า “กูจะนอน”

ยายผมเห็นน้าแย้มป่วยอยู่จึงไม่ได้ว่าอะไรมาก แค่บ่นๆแล้วเดินออกไป ส่วนแม่ผมกับน้าเย็น ก็ไปโรงเรียนกัน 2 คน
ระหว่างทางน้าเย็นก็เล่าว่า เมื่อคืนน้าแย้มนอนจ้องหน้าทั้งคืน รู้สึกน่ากลัวยังไงไม่รู้ แม่ผมก็บอกว่าไม่มีอะไร คิดมาก

หลังเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน น้าแย้มก็ยังนอนอยู่ ยายทำกับข้าวให้ก็ไม่กิน บอกอยากจะกินต้มเครื่องในจะได้มีแรง
(ซึ่งปกติแม่บอกว่าน้าแย้มเกลียดเครื่องในมาก) ด้วยความรักลูก ยายก็ไปฆ่าไก่ในเล้ามาแล้วแช่เย็นไว้ พรุ่งนี้เช้าจะได้ทำให้น้าแย้มกิน

แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ช่วงดึกๆ น้าแย้มก็ออกจากมุ้ง เดินเข้าไปในครัวอีก แต่คืนนี้แปลกกว่าและหายไปนานกว่าปกติ ราวๆตี 2-3 หมาหอนระงมไปหมด แม่ก็สะดุ้งตื่น แม่มองเข้าไปในมุ้งหลังข้างๆ ไม่เห็นน้าแย้ม เห็นแค่น้าเย็นนอนหลับอยู่คนเดียว
ระหว่างนั้นมีเสียงแปลกๆ ฟังคล้ายบทสวดมนต์ หรือคำพูดอะไรสักอย่างไม่เป็นภาษา และไม่ใกล้ไม่ไกล
เสียงนั้นดังว่า “ธี่หยด…………………….ธี่หยด………………………ธี่หยด”
แม่บอกว่าเสียงเย็นเยียบยานคาง วังเวง น่ากลัวมาก ฟังแล้วขนลุก จนแม่ไม่กล้าออกจากมุ้งไปตามน้าแย้ม ต้องนอนคลุมโปงอยู่
(ตอนฟังช็อตนี้ มีขนลุกตามครับ)

เสียงดังกล่าวดังอยู่สักพักก็เงียบ แล้วแม่ก็ได้ยินเสียงคนเดินกลับเข้ามาในห้อง ตึก….ตึก…..ตึก ดังมากเหมือนผู้ใหญ่กระทืบเท้า
แม่ชำเลืองดูแว่บเดียว ก็เห็นน้าแย้มกำลังกลับเข้านอน แม้จะไม่ค่อยชัดเพราะมีมุ้งบัง แต่แม่ก็เห็นน้าแย้มหันกลับมามองแล้วยิ้ม
แม่บอกว่าแววตาของน้าแย้มคืนนั้น ดูแปลกๆชอบกล คืนนั้นทั้งคืน แม่เล่าว่านอนไม่หลับเลย ยาวนานมาก
รอเสียงเดียว….เสียงไก่ขัน

เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 วัน กลางวันน้าแย้มจะนอนอย่างเดียวส่วนกลางคืนก็จะลุกหายไปในความมืด แล้วสักพักก็จะมีเสียงหมาหอนแทรกด้วยเสียงโหยหวน ดังลอยมาว่า “ ธี่หยด” ทุกครั้ง จนแม่ผมกลัวมากเลยคิดว่าจะไปคุยกับลุงผม แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถาม
เช้าวันต่อมาแม่ก็ได้ยินพี่ชาย 3 คน คุยกัน (สมมุติพี่ชายของแม่ 3 คน ยักษ์, ยศ, ยอด) โดยลุงยศคุยอยู่กับลุงยักษ์ ใจความคือ

ลุงยศบอกว่ารู้สึกแย้มแปลกๆไป กลางวันเอาแต่นอน ไม่ช่วยงานในบ้าน แถมยังมีกิริยาก้าวร้าว ผิดไปจากคนเดิมมาก
ที่ทั้งขยันและเรียบร้อย ลุงยักษ์(พี่คนโตนิสัยนักเลงมากๆ แต่ไม่ค่อยอยู่บ้านต้องไปทำงานบ่อยๆ) บอกว่าก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
กลางวันรู้สึกหลบหน้าหลบตาคนในบ้านตลอด ไม่ค่อยคุยกับใคร หรือจะโดนของ (สมัยก่อนต้องยอมรับครับว่า เรื่องแบบนี้มีอิทธิพลกับคนไทยมากๆ โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่ไกลจากความเจริญ)

ให้รอดูอาการอีกวัน ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้จะไปตามหมอยามาดูอาการอีกครั้ง แม่ผมก็เลยเดินเข้าไปคุยว่ารู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
ตอนกลางคืนน้าแย้มชอบลุกออกไปไหนไม่รู้ แล้วแม่ก็บอกว่าได้ยินเสียงแปลกๆด้วย แต่ลุง 3 คน บอกว่าแม่ฝัน
(มาบอกตอนหลังว่าไม่อยากให้กลัว) และคืนนั้นเองก็มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น

ช่วงเย็นตาผมกับยายต้องไปงานเลี้ยงต่างอำเภอ และกว่าจะกลับคงใกล้ๆรุ่ง ให้ลุงยักษ์ดูน้องๆด้วย
แม่ก็เห็นลุงยักษ์กับลุงยศยืนซุบซิบคุยกัน หลังจากกินข้าวเสร็จ คุยกันสักพักทุกคนแยกย้ายกันเข้านอน แม่ก็เข้ามุงนอน
ซึ่งคืนนั้นน้าเย็นขอมานอนกับแม่ เพราะไม่ชอบที่น้าแย้มชอบนอนจ้องหน้า ซึ่งหลังๆ แม่กับน้าแย้มก็แทบจะไม่ได้คุย

คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สักพัก แล้วก็หลับไป กลางดึกคืนนั้นเอง แม่ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ใกล้ๆเหมือนเดิม เสียงดังมาก
ตึก ตึก ตึก ก็คิดว่าคงเป็นน้าแย้มลุกไปไหนอีกแล้ว ก็พูดออกไปว่า “เดินเบาๆหน่อยสิ คนจะหลับจะนอน” น้าแย้มไม่ตอบ แต่มีเสียงหัวเราะเบาๆ แล้วตามด้วยเสียงวี๊ด แม่ก็ไม่ได้สนใจเพราะง่วงมาก แต่ก็ต้องมาสะดุ้งตื่นอีกครั้งได้ยินเสียงโหยหวนนั่นอีก
“ธี่หยด…..ธี่หยด……ธี่หยด”

แม่บอกว่าคืนนั้นรู้สึกกลัวผิดปกติ จึงลุกขึ้นมา ว่าจะไปนอนกับพี่ๆ (ลุง)
(โดยทิ้งน้าเย็นให้นอนคนเดียว ><) แม่เดินออกมาจากห้อง ภายในบ้านมืดสนิท แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ แม่หยิบไฟฉาย
แล้วรีบจ้ำไปทางห้องลุงยักษ์ เพราะเสียงนั่นยังดังอยู่ใกล้ๆน่าจะอยู่หลังด้านบ้าน มันโหยหวนและน่ากลัวมาก
พอแม่เข้าไปห้องลุงยักษ์ ก็เปิดมุ้งจะเข้าไปนอนด้วย แต่ในมุ้งนั้นว่างเปล่า ไม่มีเงาคนอยู่เลย

แม่ผมก็คิดในใจว่าลุงยักษ์คงออกไปเที่ยวอีกแล้ว เลยเดินไปมุ้งข้างๆที่ลุงยอดกับลุงยศนอนอยู่ ปรากฏว่าในมุ้งก็ไม่มีคนอีก
แต่ยังไม่ทันที่แม่ผมจะคิดอะไรก็สะดุ้งสุดตัว เพราะมีเสียงปืนดังขึ้น

เสียงปืนดัง 1 นัด แม่ผมตกใจกระโจนเข้าไปอยู่ในมุ้ง แต่ยังไม่ทันที่จะคลุมโปงก็ได้ยินเสียงหลายเสียงสับสนไปหมด
หนึ่ง คือเสียงน้าเย็นที่ร้องกรี๊ดลั่นบ้าน แม่เล่าว่ารีบวิ่งไปห้องนอน เห็นน้าเย็นนั่งร้องไห้อยู่ในมุ้ง ก็เข้าไปปลอบ
(น้าเย็นอายุน้อยกว่าแม่ผม 2 ปี)

แต่ยังไม่ทันที่น้าเย็นจะหยุดร้อง เสียงปืนก็ดังขึ้นอีก 1 นัด ทีนี้ 2 คนกอดกันกลมเลย
แล้วก็ได้ยินเสียงลุงยักษ์ตะโกนดังลั่นจากนอกบ้าน (ภาษาพ่อขุนรามฯนะครับ)
“E…. เมิงทำอะไรน้องกูวะ!!?”

พอได้ยินเสียง แม่ผมก็บอกให้น้าเย็นไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า บอกว่าเดี๋ยวมา พอน้าเย็นเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า แล้วปิดตู้ แม่ก็รีบวิ่งไปทางต้นเสียงซึ่งอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งประตูหลังบ้านเปิดอยู่ ก็เห็นลุงยศกับลุงยอดถือจอบ, พร้า คนละด้าม
ถือไฟฉายคนละกระบอกส่องไปมาในความมืด โดยด้านหน้าสุด ลุงยักษ์ยืนถือปืนลูกซองอยู่

ด้านหลังบ้าน จะมีกอไผ่กอใหญ่อยู่ 2-3 กอ เลยไปเป็นแปลกผักกว้างๆ สุดสายตา ซึ่งดำทมึนไปหมด ไม่เห็นอะไรเลย
พอลุงยอดเห็นแม่ผมออกมาก็ไล่ให้กลับเข้าบ้าน แม่ผมก็วิ่งไปหลบหลังประตู แล้วชำเลืองมองตรงไปในความมืด
คือมันมืดมาก แทบไม่เห็นอะไรเลย เห็นแค่ไฟฉาย 2 กระบอก สาดไปมาในความมืด แม่ผมก็ถามลุงยอดว่า “โจรเหรอๆ”
แต่ลุงยอดไม่ตอบ บอกว่าอย่าออกมา ระหว่างที่แม่กำลังกล้าๆกลัวๆ ปนสงสัยอยู่อยู่นั่นเอง
จู่ๆ ไฟจากไฟฉายก็ส่องไปเจอเงาๆนึง แม่บอกว่าเห็นไม่ชัด แต่เป็นคนแน่ๆ เป็นผู้หญิง ใส่เสื้อสีดำ ยืนนิ่งอยู่ในความมืด
อยู่ไกลออกไปหลายสิบเมตร

พอไฟฉายส่องเจอเงาคนปุ๊บ ลุงยักษ์ไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ ซัดตูมด้วยลูกซองเลย

แม่ปิดหูร้องกรี๊ดลงไปนั่งกับพื้น แล้วตะโกนถามลุงยอด
เห้ย ยิงทำไมนั่นแย้มรึเปล่า!! ลุงยอดตอบกลับมาว่า เงียบๆ! อยู่ตรงนี้นิ่งๆ ห้ามออกไปไหน
เสร็จแล้ว ลุง 3 คนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตรงจุดที่เห็นเงาคนเมื่อสักครู่ แม่เห็นแค่แสงไฟวับๆอยู่ไกลๆ เห็นลุง 3 คน เดินวนไปมา
ได้ยินเสียงบนอยู่ไกลๆว่า “ไปไหนวะ”

วนอยู่สักพักก็เดินกลับมา แม่ผมก็ตกใจถามว่า แย้มรึเปล่า? ลุงยักษ์คงเดือดๆอยู่ เลยดุแม่ผมว่า เงียบๆ อย่าเพิ่งถามอะไรได้ป่ะ?
แล้วก็เดินเข้าไปในบ้านเอากระสุนปืนยัดใส่กระเป๋ากำนึง แล้วบอกให้ลุงยศเดินไปด้วย ทั้ง 2 คนเดินลุยกลับเข้าไปในความมืดต่อ

แม่ผมก็งงไปหมด น้ำตาซึมๆ ลุงยอดเลยมานั่งข้างๆ แล้วบอกว่าไม่มีอะไรๆ แม่ผมคงสุดแล้ว จึงบอกกลับไปว่า
“ไม่มีได้ไง! มีอะไรก็บอกมาสิ แล้วเมื่อกี้ยิงอะไร ยิงใคร เกิดเป็นแย้มจะทำไง?”
ลุงยอดเลยเอาไฟฉายส่องไปข้างๆบ้าน ใกล้ๆกอต้นไผ่ ตรงนั้นน้าแย้มนั่งอยู่

น้าแย้มเหมือนนั่งหลับอยู่ เหมือนละเมอแล้วมานั่งหลับตรงนี้ แม่เข้าไปปลุกแล้วเขย่าแรงๆจนน้าแย้มตื่น พอตื่นปุ๊บ
น้าแย้มร้องโอ้ยแบบทรมานมาก บอกว่าปวดเมื่อย และปวดท้องมาก พี่ยอดเดินเข้ามาดู บอกให้พากลับเข้าไปในบ้าน
2 คนช่วยประคองน้าแย้มกลับมาที่ห้อง พอได้ยินเสียงคนน้าเย็นก็โผล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า เข้าไปถามแม่ผมว่า มีอะไรกัน แย้มเป็นอะไร?

แม่ผมก็กำลังจะเล่า แต่ลุงยอดสั่นหัวไม่ให้เล่า บอกให้พาแย้มไปนอน น้าเย็นก็ถามแย้มเป็นอะไร น้าแย้มก็ตอบแบบปกติไม่ก้าวร้าว แบบปกติ แบบที่เป็นตัวเอง ว่าเจ็บท้อง

เสร็จแล้ว แม่กับลุงยอดก็เดินออกมานอกห้อง แม่ผมก็ถามต่อ มันเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ ลุงยอดก็เริ่มเล่าว่า
นั่งคุยกับลุงยักษ์, ลุงยศว่า แย้มดูแปลกๆ ไม่ค่อยพูดจา พูดก้าวร้าว วันๆเอาแต่นอน
แล้วช่วงที่ลุงยักษ์ไม่อยู่ ก็มีเสียงอะไรแปลกๆทุกคืน ลุงยักษ์บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน เดี๋ยวคืนนี้ลองนั่งดูสิว่าจะมีอะไรรึเปล่า

ทั้ง 3 คนก็นั่งรอ จน ยอดกับยศหลับไป จนลุงยักษ์มาปลุก บอกว่า นั่งสูบบุหรี่อยู่ กำลังจะหลับ เห็นแย้มเดินออกไปทางหลังบ้าน
ทั้ง 3 คนก็เดินตามออกไป พอไปถึงประตูกำลังจะเปิด ก็ได้ยินเสียง สวบ สวบ เหมือนใครเหยียบใบไม้อยู่ ดังมาจากหลังบ้าน
ลุงยักษ์เดินไปหยิบปืน แล้วเปิดประตูออกไป ไฟส่องไปทางต้นเสียง ด้านนอกมีแต่ความมืด ส่องกันครู่นึง ก็เห็นน้าแย้มยืนหันหลัง
โงนเงนไปมา

พอลุงยักษ์ส่งเสียงเรียกออกไป แย้มหันกลับมามองแว่บเดียวก็ล้มพับไปเลย พี่ยศจึงเข้าปลุกและเรียกแย้ม แต่ไม่ตื่น
นั้นชั่วอึดใจเดียวหลังจากจับแย้มนั่งพิงกอไผ่ ก็มีเสียงแปลกๆ เหมือนคนโหยหวนอะไรสักอย่าง ( ธี่หยดนั่นละครับ )
ดังลอยมาจากด้านหลังกอไผ่ ซึ่งเป็นแปลงผักโล่งๆ ลุง 2 คนเลยส่องไฟไปทางเสียง ก็เห็นเมีเงาคนยืนอยู่ลิบๆ ไม่ใกล้ไม่ไกล

พอไฟส่องชัดๆก็ รู้ว่าเป็นผู้หญิง ใส่เสื้อเข้มๆ ยืนยิ้มอยู่ ลุงยักษ์เลยยิงปืนขึ้นฟ้าไป 1 นัด แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับและยิ้มๆ เหมือนเดิม คราวนี้ลุงยักษ์เลยยิงใส่ไปอีก 1 นัด แต่ก็แแว่บหายไป แล้วครู่นึง เรื่องหลังจากนั้น ก็ตามที่เห็นกันนั่นละ

แม่ผมถามต่อว่าแล้วไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยเหรอ? ลุงยอดบอกว่า ตอนไปถึงไม่มี แต่ก่อนหน้านี้มีแน่
เพราะมีรอยเท้า (เปล่า) ใหม่ๆยืนย่ำอยู่บนแปลงผัก


เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กลับป่าช้ากันเถอะ
ปู่โสม เฝ้าสวน
นัดเล่า…ผี
ตัวตาย ตัวแทน
ซากสยอง กลางดงมรณะ
เรื่องผี ขยี้ขวัญ